เชียร์ 51

ข่าวเด็ด

วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2551

“นักวิชาการ” ชี้ข้อหากบฏแรงเกินเหตุ จี้ “หมัก” ลาออก

นักวิชาการจากสถาบันชื่อดัง ประสานเสียงโต้ข้อหากบฏรุนแรงเกินเหตุ หวังกำจัดแกนนำพันธมิตรฯ ให้พ้นทาง ชี้การชุมนุมภาคประชาชนอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ล้มล้างรัฐบาล เตือนอย่าใช้ความรุนแรง เชื่อเหตุการณ์บานปลาย จี้ “สมัคร” ลาออก

วันนี้ (28 ส.ค.) นายประเสริฐ ชิตพงศ์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.สงขลา เปิดเผยว่า ข้อหากบฏที่ตำรวจแจ้งต่อแกนนำพันธมิตรฯ เป็นข้อหาที่รุนแรงเกินเหตุ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าการตั้งข้อหารุนแรงน่าจะมีเจตนาแอบแฝงที่ไม่ต้องการให้มีการประกันตัว เพื่อจะได้หยุดการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ขณะเดียวกัน นายประเสริฐ เห็นว่า การชุมนุมที่ผ่านมาถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองของภาคประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลที่ถูกมองว่าบริหารงานผิดพลาดจึงได้เรียกร้องให้ลาออก ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ และไม่ใช่เป็นการใช้กำลังล้มล้างรัฐบาล

ด้าน นายสุริชัย หวันแก้ว ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ เห็นด้วยว่า เป็นการตั้งข้อกล่าวหาที่รุนแรงเกินเหตุ ซึ่งการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็นการเคลื่อนไหวภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ยึดแนวทางสันติวิธี และมองว่าการบุกยึดสถานีวิทยุโทรทัศน์เอ็นบีทีมีส่วนทำให้ภาพลักษณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯ เสียหาย

ส่วน นายสุรชัย ศิริไกร อดีตคณบดี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็เห็นสอดคล้องกันว่า การตั้งข้อหากบฏเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงมาก ไม่มีเหตุผลรองรับ โดยเห็นว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เรียกร้องรัฐบาลให้ลาออกเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบของประชาชนที่สามารถกระทำได้ และเห็นได้ว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ตลอดช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาไม่ได้ใช้ความรุนแรงใดๆ แม้จะมีเหตุกระทบกันบ้าง ขณะบุกยึดสถานที่ราชการบางแห่ง แต่ไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นใช้กำลังเข้าล้มล้างระบอบการปกครองที่เป็นเหตุให้ทางรัฐบาลใช้เป็นสาเหตุตั้งข้อหา มีการกระทำอันเป็นกบฏ

ขณะเดียวกัน นายสุรชัย กล่าวเตือนรัฐบาลว่า หากใช้มาตรการรุนแรงเข้าปราบปราม เชื่อว่าประชาชนจะไม่ยอม และอาจลุกลามขยายตัวออกไป นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีทบทวนตัวเองด้วยการลาออก ซึ่งก่อนหน้านี้ กรุงเทพโพลล์ ได้สำรวจความเห็นคนกรุงเทพฯ 1,023 คน พบว่า ร้อยละ 65 เห็นว่าควรเปลี่ยนรัฐบาล

วิเคราะห์
จากบทวิเคราะห์ดังกล่าวจากนักวิชาการส่วนใหญ่เห็นว่าฝ่ายรัฐบาลทำเกินกว่าเหตุที่ตั้งข้อกล่าวหาแจ้งจับแกนนำกลุ่มพันธมิตรในข้อหากบฏทั้งนี้ความเห็นของนักวิชาการจะมีผลอย่างกว้างขวางต่อแนวความคิดของประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างมาก ตามที่กล่าวมาข้างต้นการกระทำดังกล่าวตำรวจจะยิ่งทำให้เหตุการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นอีกระดับ

ที่มาhttp://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000101720

โดย นายรวมเลิศ สุภานันท์ ID.5131601165

4 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ทั้งนี้นักวิชาการอาจจะใช้ความคิดเห็นส่วนตัวครับ เชื่อถือไม่ได้

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

คุณสมัครค่ะ คุณน่าจะลาออกได้แล้วนะค่ะ ทนให้คนอื่นด่าว่าคุณ ตระกูลของคุณ ทนเป้นรัฐบาลหุ่นเชิดให้แก่แม้วทามไม เดี๋ยวแม้วก็หนีไปแล้ว แล้วคุณจะทำไปเพื่ออะไร คิดถึงต้นตระกูลคุณบ้างสิ อุตส่าห์สร้างคุณความดีมา แล้วคุณจะปล่อยให้มันเปงอย่างงี้ต่อไปหลอ
ลาออกเหอะ แสดงศักดิ์ศรี

ID : 5131601062

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ถ้าหากคุณสมัครลาออกแล้ว
ใครจะมาเป้นนายกต่อ
ถ้าหากมีการเลือกตั้งใหม่
พรรคที่ได้คะแนนส่วนมากยังเป็นพลังประชาชนอยู่
แล้วจะมีใครบอกได้บ้างว่า
จะมีเหตการณ์เช่นนี้อีกไหม

น.ส.วรรณิศา ธะนาคำ ID:5131601169

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

มีแค่ไม้กับเครื่องมือบางชนิดคงไม่ถึงขั้นกบฏหรอกมั้งครับ
แต่หากมีอาวุธสงครามมาช่วยก็ว่ากันอีกที อาวุธที่ พธม มาใช้ก็คงเป็นระบอบการปกครองยากครับ


ท่านคิดยังไรกับการเมืองในปัจจุบันนี้

ป้ายกำกับ