เชียร์ 51

ข่าวเด็ด

วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

นายกฯ ส่งตัวแทนร่วมประชุมกับ รมว.ต่างประเทศกัมพูชา


ทำเนียบ 25 ก.ค.- รองโฆษกรัฐบาล ระบุนายกรัฐมนตรีจะส่งตัวแทนรัฐบาลไปร่วมประชุมกับรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา 28 ก.ค. เพราะแต่งตั้ง รมว.ต่างประเทศคนใหม่ไม่ทัน
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย กับกัมพูชา ในวันที่ 28 กรกฎาคม ที่เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะส่งตัวแทนจากรัฐบาล ซึ่งอาจเป็นบุคคลระดับรองนายกรัฐมนตรี ไปเจรจาหารือข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร เพราะตามธรรมเนียมปฏิบัติหากจะแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ คงไม่ทัน
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่ไทยไม่ได้ส่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไปหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ส่วนตัวเชื่อว่า ไม่ถือเป็นการเสียมารยาท เพราะหลังการเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชา ในวันที่ 27 กรกฎาคม รัฐบาลกัมพูชาก็จะมีสถานะเป็นรัฐบาลรักษาการ ซึ่งหลังการหารือครั้งแรกของ 2 ประเทศ อาจมีการนัดหารืออีกครั้ง และเมื่อถึงช่วงนั้น ไทยคงได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่แล้ว
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ในการปรับคณะรัฐมนตรีนั้น เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะรอฟังคำสั่งศาลฎีกาว่าจะรับคดีหวยบนดินไว้พิจารณาหรือไม่ เพราะหากรับไว้พิจารณา 3 รัฐมนตรีในรัฐบาล ประกอบด้วย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นางอุไรวรรณ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายอนุรักษ์ จุรีมาศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ต้องยุติการทำหน้าที่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะพิจารณาปรับคณะรัฐมนตรีในคราวเดียวกัน
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ ที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะถูกปรับย้ายมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดูแลงานด้านสื่อ เพราะมีความสามารถและประสบการณ์ด้านนี้ แต่อย่างไรก็ตามเห็นว่าบุคคลที่จะมาทำหน้าที่ดังกล่าวต้องรับภาระหนัก เพราะถือเป็นเก้าอี้รัฐมนตรีที่ร้อนตัวหนึ่ง.-สำนักข่าวไทยอัพเดตเมื่อ 2008-07-25 15:47:00
ที่มา : สำนักข่าวไทย

ป.ป.ช.ไม่สนมติกรรมาธิการฯ เดินหน้าทำงานต่อ


กรุงเทพฯ 26 ก.ค. - “วิชา มหาคุณ” ไม่สนมติคณะกรรมาธิการองค์กรตามรัฐธรรมนูญ สภาผู้แทนราษฎร ที่ชี้ว่า ที่มาของ ป.ป.ช.ไม่ถูกต้อง เดินหน้าทำงานต่อ ย้ำมีที่มาถูกต้อง และมีอำนาจถอดถอน ส.ส.-ส.ว. ได้


นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมาธิการองค์กรตามรัฐธรรมนูญ รัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร มีมติว่า ที่มาของ ป.ป.ช. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ว่า ถือเป็นความเห็นของกรรมมาธิการฯ ซึ่งสุดแล้วแต่ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ ป.ป.ช. ทุกคนยังคงทำหน้าที่ โดยไม่หวั่นไหวต่อความกดดันต่างๆ เนื่องจากการทำงานที่ผ่านมา ถือว่าทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ที่ผ่านการลงประชามติ และได้รับการลงพระปรมาภิไธยแล้ว


“เป็นเครื่องยืนยันการเข้ามาทำหน้าที่อย่างถูกต้อง และยังคงมีอำนาจอย่างเต็มที่ ในการถอดถอน ส.ส.และ ส.ว.จึงไม่ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ตามประกาศ คปค. และหาก ป.ป.ช.ท้อถอย หรือยุติการทำงาน ก็ถือว่าผิดกฎหมายฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะทำหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร จะไม่ตอบโต้ไปมาให้เสียเวลาในการทำงาน เพราะมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมาก” นายวิชา กล่าว


ส่วนกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ ไม่เห็นหนังสือจากสำนักราชเลขาธิการ ที่ตอบกลับเกี่ยวกับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ นั้น นายวิชา กล่าวว่าถือเป็นการบิดเบือน และเบี่ยงเบนประเด็นขยายผลไปโจมตีเป็นเรื่องอื่นต่อๆ ไป เพราะเห็นว่าการโจมตีเรื่องที่มาของ ป.ป.ช.ไม่เป็นผลแล้ว.- สำนักข่าวไทย
โดย : MCOT NEWS
2008-07-26 16.44น.

วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ตีกันเพื่อ !


หลังจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลหรือกลุ่มอื่นๆ


คุณคิดยังไงบ้าง กับการที่คนไทยนั้น
"แตกความสามัคคีตีกันเอง "

วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

นักวิชาการ เชื่อ รบ.จ้องถอดถอน ป.ป.ช. แค่เกม ที่ใช้เรียกคะแนนสงสาร

“พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์” จากรัฐศาสตร์ จุฬา เชื่อ รบ.หุ่นเชิด จ้องจะถอดถอน ป.ป.ช. เป็นแค่เกม ที่เอาไว้เรียกคะแนนความเห็นใจ ว่าถูกกลั่นแกล้ง หวังเลือกตั้งครั้งหน้าจะเข้าแก้ รธน.ได้ง่ายขึ้น- “วรวัจน์”พูดไม่อาย หากแก้ไข รธน. และโละ กกต. ป.ป.ช. แล้ว พร้อมยบุสภาฯแล้วเลือกตั้งใหม่ทันที เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ดร.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ในรายการ คมชัดลึก ทางสถานีโทรทัศน์เนชั่น แชนแนล ถึงกรณีที่มีการกล่าวหาว่าป.ป.ช.ไม่มีสิทธิถอดถอน ครม.เพราะเป็นองค์กรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ว่าตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นการเล่นเกมของรัฐบาล ที่หยิบยกขึ้นมาหวังเป็นผลประโยชน์ เผื่อว่า หากวันหนึ่งเจอปัญหาต่าง ๆ มากมายจนต้องยุบสภาฯ เมื่อหาเสียงเลือกตั้งครั้งใหม่ ก็จะบอกกับประชาชนได้ว่า สิ่งที่พวกตนประสบมาคือการกลั่นแกล้งโดยอำนาจและกลุ่มคนที่คณะรัฐประหารสร้างไว้ หากเลือกเข้ามาใหม่ก็จะขอแก้ไข รธน.ทันที ก็สามารถทำได้เพราะได้รับความเห็นใจจากประชาชนมากขึ้น ด้าน นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส. แพร่ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังทวงถามจาก ป.ป.ช. ในวันนี้ ไม่ได้หมายความว่าไม่ยอมรับที่มาของ ป.ป.ช. เพียงเท่านั้น แต่ไม่ยอมรับทุกสิ่งที่อำนาจรัฐประหารวางเอาไว้เพื่อหวังทำลายล้างรัฐบาลชุดนี้ เพราะตนมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ เกิดจากความต้องการที่จะทำลายล้างกัน ซึ่งหากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ประเทศชาติก็จะไปไม่ไหว ดังนั้นตนจึงเสนอว่าทุกฝ่ายควรหยุด แล้วกล้าไขทุกสิ่งให้ถูกต้อง ซึ่งตนกล้าพูดแทนทุกคนในพรรคพลังประชาชนได้เลยว่า ทุกคนอยากเห็นบ้านเมืองพัฒนาไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่น ดังนั้นหากดำเนินการแก้ทุกอย่างให้ถูกต้อง ทั้ง รธน.50 ที่มาขององค์กรอิสระ เช่น ป.ป.ช. และ กกต. แล้วเมื่อนั้นพรรคพลังประชาชนก็พร้อมจะยุบสภา แล้วกลับไปเลือกตั้งใหม่ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมและเกิดกติกาใหม่ที่ยุติธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อรองรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ อีกทั้งรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารบ้านเมืองก็จะได้ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ ความพยายบามที่จะล้มล้างองค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. กกต. เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลกำลังถูกตรวจสบจากองค์กรเหล่านั้นและมีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถแก้ข้อกล่าวหาได้ อาทิ กรณีเขาพระวิหาร ซึ่ง ป.ป.ช.กำลังไต่สวนเพื่อดำเนินคดีกับ ครม.ทั้งคณะ ตามคำร้องของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและ ส.ว. ฐานกระทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยไว้แล้วว่าผิดจริง , กรณีใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้ตัดสินชี้ขาดไปแล้ว และ กกต.กำลังสรุปสำนวนเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งยุบพรรคพลังประชาชนต่อไป เป็นต้น




โดย ผู้จัดการออนไลน์
22 กรกฎาคม 2551 23:54 น.






วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เอ็นบีทีขานรับจัดเวลาให้ 'หมัก' โต้ พธม. [21 ก.ค. 51 - 04:47]

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถึงกรณีที่นายกฯ ระบุว่าจะเปิดรายการตอบโต้เอเอสทีวีทุกวันในเวลา 22.00 น. ผ่านสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีว่า รูปแบบรายการดังกล่าวจะเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงที่กลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวหารัฐบาลผ่านสถานีเอเอสทีวีตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ประชาชนบริโภคอยู่ฝ่ายเดียว ดังนั้นทีมโฆษกรัฐบาลและคณะทำงานของนายกฯ จึงหารือกันว่าควรจะมีการชี้แจงข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง ในสิ่งที่กลุ่มพันธมิตรฯพูดแบบวันต่อวัน ซึ่งรูปแบบรายการจะมีทีมโฆษกรัฐบาล 4 คนเป็นผู้ดำเนินรายการ ชี้แจงสิ่งที่ถูกกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวหาให้ประชาชนรับทราบความจริง โดยจะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องในการถูกกล่าวหามาร่วมออกรายการด้วย เพื่อให้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เรียกว่ากลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวหามาอย่างไรก็จะชี้แจงกลับทันที แบบวันต่อวัน และขณะนี้ทีมโฆษกรัฐบาลกำลังหารือกันว่าจะใช้ชื่อรายการอย่างไร คาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันที่ 21 ก.ค. โดยจะมีการออกอากาศทุกวัน เวลา 22.00-23.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เริ่มออกอากาศครั้งแรกวันที่ 21 ก.ค.

บิ๊กเอ็นบีทีขานรับจัดเวลาให้เสียบ

ด้านนายสุริยงค์ หุณฑสาร รักษาการผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที กล่าวว่า ขณะนี้กำลังรอการประสานงานจากทีมงานโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับรายการดังกล่าว เพราะไม่เคยได้รับการประสานงานมาก่อน เพิ่งทราบตอนที่นายกฯพูดในรายการสนทนาประสาสมัครทางสถานีพร้อมดำเนินการตามนโยบาย สำหรับช่วงเวลาดังกล่าวนั้นตามผังรายการเดิมเป็นรายการ “ข่าวหน้า 4”

หนุ่มบุกชกนักบวชสันติอโศก

ด้านบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ปักหลักปิดถนนราชดำเนิน ตั้งเวทีอยู่ที่สะพานมัฆวานฯ ในเวลา 11.00 น. วันที่ 20 ก.ค. นายธวัลรัตน์ รวยเกียรติรชตะ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79/102 ม.9 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ชุติพงษ์ ตะกรุดทอง พงส. (สบ2) สน.ดุสิต เพื่อแจ้งความว่าถูกกลุ่ม รปภ.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บเป็นรอยฟกช้ำที่บริเวณไหล่ขวา โดยนายธวัลรัตน์ กล่าวว่า ทำงานเป็นพนักงานต้อนรับชายอยู่ที่ร้านแร็บบิท ซึ่งตั้งอยู่ในโรงแรมสยามเบเวอรี่ ย่านรัชดา หลังเลิกงานเดินทางมาสังเกตการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งเคยมา 2-3 ครั้งแล้ว ช่วงที่อยู่ที่หน้าเต็นท์ของกองทัพธรรม ตนมองแล้วคิดว่าการมาชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ น่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังเกี่ยวกับปัญหาภาคใต้ นอกจากนี้ยังทำให้การจราจรติดขัด รู้สึกรำคาญใจจึงได้เข้าไปสอบถามชายที่แต่งกายคล้ายนักบวชว่า แต่งกายแบบนี้ศาสนาอะไร ชายคนดังกล่าวตอบว่า ศาสนาพุทธ จึงถามต่อไปว่า ศาสนาพุทธมีจีวรสีนี้ด้วยหรือ นักบวชคนเดิมตอบว่า มีเพราะไม่ใช่สีต้องห้าม สีต้องห้ามตามหลักศาสนาพุทธมี 7 สี ตนถามว่าสีต้องห้าม 7 สี นั้นบัญญัติไว้ที่ไหน นักบวชคนดังกล่าวตอบว่า อยู่ในพระไตรปิฎก อยู่ที่วัด ด้วยความโมโหจึงต่อยนักบวชคนนั้นเข้าที่โหนกแก้มซ้าย 1 ที หลังจากนั้น รปภ.ของกลุ่มพันธมิตรฯ นับสิบคน ได้คว้าไม้พลองกรูเข้ามารุมทำร้าย ตนพยายามวิ่งหนี แต่ไม่วายถูกตีเข้าที่บริเวณไหล่ขวาได้รับบาดเจ็บ

ตอบคำถามอยู่ดีๆ ก็โดนต่อย

เวลาไล่เลี่ยกัน สมณะดาวดิน ปฐวัตโต อายุ 46 ปี ผู้ปฏิบัติธรรมพุทธสถานสันติอโศก พร้อมญาติธรรม เดินทางเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวนด้วยเช่นกัน ก่อนเล่าเหตุการณ์ว่าระหว่างอยู่ภายในเต็นท์กองทัพธรรม หน้ากระทรวงศึกษาธิการ เห็นนายธวัลรัตน์ มาสอบถามกับสมณะอีกรูปที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บริเวณหน้าเต็นท์ จึงออกไปดู นายธวัลรัตน์สอบถามว่า เป็นนักบวชศาสนาอะไร ทำไมถึงห่มจีวรสีนี้ เลยพยายามอธิบายไป และเหมือนนายธวัลรัตน์จะเข้าใจ แต่กลับถามต่ออีก จากนั้นก็เข้ามาชกที่โหนกแก้มจนได้รับบาดเจ็บ

ตร.โดนลูกหลงถูกเตะปากแตก

ต่อมา ด.ต.ชวภณ คล่องยุทธ ผบ.หมู่งานจราจร สน.ดุสิต ซึ่งอยู่ในสภาพมีบาดแผลแตกบริเวณริมฝีปาก เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ รปภ.ของกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วยว่า ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่อำนวยการจราจรอยู่ที่บริเวณแยกพระบรมรูปทรงม้า เห็นรปภ.กลุ่มพันธมิตรฯ กว่า 10 คน ถือไม้พลองวิ่งไล่จับนายธวัลรัตน์ จึงได้เข้าระงับเหตุ จังหวะกำลังแยกทั้ง 2 ฝ่ายออกจากกัน หนึ่งในกลุ่ม รปภ.พันธมิตรฯ ได้เตะเข้าที่ปากจนได้รับบาดเจ็บ กระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้เข้ามาห้ามปรามและนำตัวตนส่ง รพ.รามาธิบดี

หนุ่มเพี้ยนรับผิดปรับ 1 พันบาท

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำทั้ง 3 ฝ่าย คดีแรกที่นายธวัลรัตน์ทำร้ายร่างกายสมณะดาวดิน ดูจากลักษณะบาดแผล เป็นเพียงกรณีบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย ส่วนกรณีนี้ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ยอมถูกปรับ 1 พันบาท และไม่ติดใจเอาความกับ รปภ.พันธมิตรฯ ซึ่งจากการพูดคุยทราบว่า นายธวัลรัตน์ เคยเข้ารับการรักษาอาการทางประสาทที่ รพ.ศรีธัญญา เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว ปัจจุบันก็ยังต้องกินยาอย่างต้องเนื่อง โดยต้องไปรับทุกวันพุธ แต่ 2-3 วันที่ผ่านมา ยาหมดไม่ได้ไปรับ สำหรับกรณีที่ตำรวจถูกทำร้ายร่างกายขณะปฏิบัติหน้าที่ก็จะรับเรื่องไว้ ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาว่าจะดำเนินการต่อไป ซึ่งล่าสุด ด.ต.ชวภณ คล่องยุทธ ผบ.หมู่งานจราจร ที่ได้รับบาดเจ็บขณะเข้าระงับเหตุ ยังยืนยันให้ดำเนินคดีกับ รปภ. พันธมิตรฯ เช่นเดิม

พธม.ตั้งคณะรวม ขรก.หนุนผู้ชุมนุม

ส่วนการชุมนุมนั้น ในเวลา 18.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ได้อ่านประกาศพันธมิตรฯ ฉบับที่ 5 ตั้งคณะกรรมการพลังแผ่นดิน เนื้อหาระบุว่า บัดนี้มีข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ และพนักงานของรัฐได้ก่อตัวขึ้นสนับสนุนพันธมิตรฯ เพื่อให้การปรับขบวนการต่อสู้เข้มข้นขึ้น จึงจำเป็นต้องให้มีการตั้งคณะกรรมการดังกล่าว เพื่อให้มีองค์กรประกอบทั้งข้าราชการทั้งในและนอกราชการ และให้มีอุดมการณ์สืบสานเจตนารมณ์ ในการปกป้องราชบัลลังก์ โดยมีภารกิจดังต่อไปนี้ ขยายเครือข่ายพันธมิตรฯ ในส่วนของทหาร ตร.และข้าราชการพลเรือน พนักงานของรัฐ ทั้งประจำการ และนอกประจำการให้มากที่สุด เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ให้กับทหาร ตร.ให้ กว้างขวางมากที่สุด ปกป้องประชาชนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ให้มีความปลอดภัย รวมทั้งแจ้งข้อมูลข่าวสารการขายชาติ ฉ้อโกงชาติ ให้พันธมิตรฯ นอกจากนี้ เพื่อให้มีการอารยะขัดขืนในหน่วยงานราชการและองค์กรรัฐต่อฝ่ายการเมืองที่ฉ้อฉลสนับสนุนการเมืองใหม่ ทั้งนี้ พันธมิตรฯได้มีมติเชิญ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ นายทหารนอกราชการ เป็นประธาน และมีแนวคิดจะเชิญข้าราชการ ทหาร ตร.มาร่วมในคณะกรรมการ แต่จะเป็นใครยังเปิดเผยไม่ได้ ส่วนกรณีที่นายกฯเตรียมที่จะเปิดรายการทางเอ็นบีทีเพื่อตอบโต้พันธมิตรฯนั้น ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ประชาชนจะได้รู้ว่าใครพูดจริง หรือโกหก ส่วนที่นายกฯอ้างว่าทางพันธมิตรฯเตรียมประกาศให้แนวร่วมบุกยึดศาลากลาง จว.นั้น ก็เป็นเรื่องที่ไร้สาระ จะไปทำอย่างนั้นทำไม ถ้าจะยึดก็ยึดทำเนียบรัฐบาลไม่ดีกว่าหรือ เพราะเป็นศูนย์กลางการบริหารแผ่นดิน

ที่มาhttp://www.thairath.co.th/news.php?section=politics&content=97748

องค์กรชาวพุทธเอาผิดสันติอโศก [21 ก.ค. 51 - 04:49]

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ที่ห้องราชา โรงแรมรัตนโกสินทร์ องค์กรชาวพุทธแห่งประเทศไทย จัดสัมมนาเรื่อง “ลัทธิสันติอโศกกับความมั่นคงของพระพุทธศาสนา” โดยมีพระสงฆ์และประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก โดยพระครูสังฆพินัย วัดมหาธาตุ ในฐานะเลขาธิการองค์กรชาวพุทธแห่งประเทศไทย แถลงว่า องค์กรชาวพุทธฯได้รับการร้องเรียนจากประชาชนชาวไทยที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศจำนวนมาก เกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มสันติอโศก เนื่องจากทำให้ชาวต่างประเทศเข้าใจว่ากลุ่มสันติอโศกคือพระสงฆ์ไทยที่ชุมนุมขับไล่รัฐบาล เพราะข่าวสารที่เผยแพร่ในต่างประเทศจะระบุว่ากลุ่มสันติอโศกคือพระสงฆ์ไทยในพระพุทธศาสนา ทำให้ประชาชนชาวไทยได้รับความเดือดร้อนและเกิดการเข้าใจผิด ว่าทำไมพระสงฆ์จึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง ทั้งๆที่กรณีสันติอโศก มหาเถรสมาคม (มส.) เคยมีมติปกาสนียกรรมหรือตัดขาดจากความเป็นพระสงฆ์ไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 ดังนั้น กลุ่มองค์กรชาวพุทธฯจะเคลื่อนไหวโดยจะไปยื่นหนังสือถึงนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลงานด้านพระพุทธศาสนาที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 22 ก.ค.นี้ เพื่อให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดำเนินการทางกฎหมายกับกลุ่มสันติอโศกและจะให้เวลา 7 วัน หากยังไม่ดำเนินการ ให้แล้วเสร็จในกำหนดเวลาดังกล่าว องค์กรชาวพุทธฯ จะยื่นฟ้องไปที่ศาลปกครองเพื่อขอให้กลุ่มสันติอโศกหยุดการเคลื่อนไหวทางการเมือง

แฉรวมกลุ่มตั้งพรรคเดินเกมการเมือง

ขณะที่การสัมมนาวิทยากรส่วนใหญ่กล่าวโจมตีการเคลื่อนไหวของกลุ่มสันติอโศกที่ร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยพระเทพวิสุทธิกวี ผช. เจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส และเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่กลุ่มสันติอโศกออกมาเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะขัดแย้งด้านผลประโยชน์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะกับแกนนำคือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ซึ่งแต่เดิมเคยเกื้อหนุนกัน อย่างไรก็ตาม มองว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มสันติอโศก เพราะต้องการปฏิวัติสังคมเพื่อให้ประชาชนดำเนินชีวิตตามแนวทางของชาวสันติอโศก ต้องการล้มมหาเถรสมาคม (มส.) และยึดอำนาจรัฐ ส่วนยุทธศาสตร์ของกลุ่มสันติอโศกที่วางไว้ขณะนี้มีพร้อมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นยุทธศาสตร์ทางทหารที่ปัจจุบันทราบว่ากลุ่มสันติอโศกมีกองกำลังจัดตั้งทั่วประเทศไม่ต่ำกว่าแสนคน และยุทธศาสตร์การเมืองที่แม้จะไม่มีพรรคพลังธรรม หรือพรรคไทยรักไทย แต่ขณะนี้กลุ่มสันติอโศกได้จัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาคือ พรรคเพื่อฟ้าดิน เพื่อเตรียมการเข้าสู่การเมืองอีกครั้ง


โดย นายรวมเลิศ สุภานันท์
ที่มาhttp://www.thairath.co.th/news.php?section=politics&content=97750

ท่านคิดยังไรกับการเมืองในปัจจุบันนี้

ป้ายกำกับ