เชียร์ 51

ข่าวเด็ด

วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ศาลรธน.เชือด'ไชยา'พ้นจากเก้าอี้ รมว.สธ.


เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 9 ก.ค. ที่ศาลรัฐธรรมนูญ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน ที่มีนายชัช ชลวร เป็นประธาน ได้ออกนั่งบัลลังก์เพื่ออ่านคำวินิจฉัย กรณีคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของ ส.ว. 36 คน ขอให้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 (7) เนื่องจากกระทำการขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 269 ในกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วินิจฉัยว่า นางจุไร สะสมทรัพย์ ภริยา ถือหุ้นในบริษัททรัพย์ฮกเฮง จำกัด เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ เป็นการขัดกับ พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนของรัฐมนตรี พ.ศ.2543 ในการอ่านคำวินิจฉัยครั้งนี้ปรากฏว่าตัวแทนฝ่ายผู้ร้องประกอบด้วย นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา

น.ส.รสนา โตสิตระกูล และนายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.เลือกตั้ง ได้เดินทางเข้ารับฟังด้วย ขณะที่ผู้ถูกร้องคือนายไชยาไม่ได้เดินทางมาและไม่ส่งตัวแทนเข้ารับฟัง ทั้งนี้ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้มอบหมายให้นายบุญส่ง กุลบุปผา และนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้ดำเนินการอ่านคำวินิจฉัยจำนวน 16 หน้ากระดาษ โดยสรุปว่า นายไชยามิได้แจ้งเป็นหนังสือการถือครองหุ้นของคู่สมรสต่อประธาน ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง เป็น รมว.สาธารณสุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 259

พ้นจากตำแหน่ง 30 วันนับแต่แต่งตั้ง

“ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 269 แม้ว่าปัจจุบัน พ.ร.บ. การจัดการหุ้นส่วน และหุ้นของรัฐมนตรี 2543 ยังไม่ได้มีการบัญญัติ ให้รวมถึงการถือครองหุ้นส่วน และได้รับประโยชน์ จากกรณีดังกล่าวของคู่สมรส และบุตร ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของรัฐมนตรี แต่เมื่อรัฐธรรมนูญมาตรา 269 บัญญัติให้เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีผู้นั้นที่ต้องแจ้ง รัฐมนตรีแจ้งต่อประธาน ป.ป.ช.ทราบ รัฐมนตรีจึงมีหน้าที่ต้องแจ้ง การกระทำของนายไชยา จึงถือว่าเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 269 เป็นการกระทำอันต้องห้ามตามมาตรา 182 วรรค 1 (7) ประกอบมาตรา 269 ศาลยังเห็นว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายไชยาสิ้นสุดลงเมื่อพ้นกำหนด 30 วัน นับแต่ได้รับแต่งตั้ง เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 182 วรรค 1 (7) บัญญัติให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว เมื่อกระทำการอันต้องห้าม ตามมาตรา 269 ซึ่งหมายถึงว่าเมื่อมีเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งที่กำหนดไว้เกิดขึ้น ความเป็นรัฐมนตรีต้องสิ้นสุดลงทันที ไม่ใช่สิ้นสุดลงในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ส่วนมาตรา 92 ของรัฐธรรมนูญนั้นเป็นการบัญญัติถึงการออกจากตำแหน่งไว้ เพื่อแก้ปัญหาอันเกี่ยวกับกิจการที่รัฐมนตรีได้กระทำไป หลังจากความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงแล้ว จนถึงวันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ไม่ให้กระทบกระเทือน” นายวสันต์

แล้วแบบนี้นโยบายและโครงการต่างๆที่รมต.(เถื่อน)ไชยา ทำมาจะเป็นอย่างไรล่ะเนี่ย??? อีกครั้งที่พปช.เข้าสถานการณ์วิกฤตณ์ซะแล้ว

จะจบเร็วหรือลุ้นยาวๆ


เล่นบทเขินได้ถูกที่ถูกเวลา

โดยลีลาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รีบโบ้ยเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของคนบางคน ไม่ใช่จุดยืน

กับคิวที่ลูกพรรคบางคนไม่เก็บอาการ ยุให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากรัฐบาลพรรคพลังประชาชน สลับขั้วมาจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาล

แบไต๋หมดไส้หมดพุง

“อภิสิทธิ์” เก๋าพอที่จะไม่รีบโดดงับเหยื่อ เปิดช่องให้โดนถากถางได้ว่า ไอ้ที่เล่นกันมาก็เพื่อการนี้แหละ

มันต้องเก็บอาการกันหน่อย

เพราะอย่างน้อย ประเมินท่าทีของคู่ต่อสู้อย่าง “ลุงหมัก” นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่โดนหวดซ้ายทีขวาที โอนไปเอนมา

ก็ยังหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี ยืนยันนอนหลับสบาย ไม่มีอะไรต้องเครียด

“ลุงหมัก” นิ่งเก็บอาการ

บอกจะรอดูคนอื่นวิจารณ์ก่อนแล้วค่อยพูดทีหลัง โดยนัดให้ไปฟังพร้อมกันในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” เช้าวันอาทิตย์

แถมย้อนถามนักข่าว ทำไมต้องตัดสินใจ ในเมื่อสถานการณ์ปกติธรรมดา

“ลุงหมัก” พูดแบบคนที่ถือดาบยุบสภาอยู่ในมือ

แต่มันก็มีที่สะท้อนปมในใจ นายกฯสมัครพูดเลยว่า ปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นผลมาจากเนื้อหาบางส่วนของรัฐธรรมนูญปี 2550 ไม่ชัดเจน

จึงอยากเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเร็ว

และก็ให้บังเอิญโดยปมที่สะท้อนออกมา มันก็ไปเข้าเค้ากับรายงานข่าวข้อเสนอของฝ่าย “ฮาร์ดคอร์” พรรคพลังประชาชนที่ยุให้ยึดอำนาจตัวเองเพื่อเคลียร์โทษค้างศาล หรือแนวทางเร่งหักดิบแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เพื่อล้างอำนาจตุลาการที่เป็นหอกทิ่มแทง

เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย วัดดวงกันไปเลย

นี่แหละ ต้องชั่งใจกันให้หนักๆ

เพราะโดยกระแสสูญเสียเขาพระวิหารรอบสอง รัฐบาลเคลียร์ปมชาตินิยมไม่ออก แล้วยังต้องมาขวัญเสียกับใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร

ขุนศึกสายตรง “นายใหญ่” โดนใบแดงเว้นวรรค 5 ปี

โดยสถานภาพรัฐบาลพรรคพลังประชาชนที่ตกเป็นฝ่ายตั้งรับทุกประตู เหมือนมวยหมดสภาพที่โดนต่อยลงไปกองนับแล้วนับอีก

รอกรรมการจับแพ้แบบหมดทางสู้

จะฝืนสังขาร ฮึดท้าบู๊แลกหมัด โอกาสสูงที่จะโดนน็อกเสียมวยไปเลย

ทั้งๆที่ยังมีโอกาสลุ้นเกมยาวๆ

“ลุงหมัก” ยังมีช่องหายใจ อาศัยช่วงปิดสภา ระหว่างรอขั้นตอนกระบวนการถอดถอนของฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์และสมาชิกวุฒิสภา เร่งปรับคณะรัฐมนตรีดึงมืออาชีพเข้ามากู้สถานการณ์เศรษฐกิจกระตุ้นศรัทธารัฐบาล บริหารงบประมาณ จัดการโยกย้ายข้าราชการเป็นมือเป็นไม้ในฤดูสับเปลี่ยนเดือนตุลาคม

พร้อมๆไปกับการจัดทีมสำรองลงสนามเลือกตั้งใหม่

คุมเกมเล่นได้แล้วก็ยุบสภา

และยังได้ใช้สถานะรัฐบาลรักษาการ กุมความได้เปรียบในสนามเลือกตั้งที่คู่ต่อสู้สำคัญอย่างพรรคประชาธิปัตย์ยังบักโกรก พรรคการเมืองน้อยใหญ่ยังตูดขาดจากเลือกตั้งรอบที่ผ่านมา

พะยี่ห้อ “ทักษิณ” เสบียงคลังยังอู้ฟู่กว่าใคร

ที่สำคัญประกาศนโยบายหาเสียงกันให้ชัดๆไปเลยว่า ถ้าได้กลับมาเป็นรัฐบาล งานแรกที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนก็คือแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 และนิรโทษกรรมอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยและเครือข่าย “ทักษิณ” ที่ติดโทษแบนทางการเมือง

ถ้าประชาชนเห็นด้วยก็ให้เลือกเข้ามา

ประทับตราความชอบธรรม ย้ำกันอีกรอบ

และโดยฐานกองเชียร์ที่ยังแน่นหนาทั้งในภาคอีสานกับภาคเหนือ ประกอบกับการต่อสู้ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับเกมของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ที่สลายตัวไปแล้ว

จะเอาอะไรมาฉุดพรรค “ทักษิณ”.

คุณคิดว่าจะจบแบบ Return Of The Jedi หรือ Empire Stirk Back ล่ะ???


ป.ป.ช.บุกขอข้อมูลทุจริตอุโมงค์ฉาว

ความคืบหน้ากรณีที่บริษัทก่อสร้างของญี่ปุ่น แฉว่าได้จ่ายเงินสินบน 125 ล้านบาท ให้กับเจ้าหน้าที่ กทม. เพื่อแลกกับโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำคลองแสนแสบ-ลาดพร้าวนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลาว่าการกรุงเทพมหานครว่า เช้าวันที่ 9 ก.ค. เจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ยื่นหนังสือความร่วมมือในการตรวจสอบข้อมูลการจ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่ของ กทม. ในโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำคลองแสนแสบ-ลาดพร้าว ต่อนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. โดยนายอภิรักษ์กล่าวภายหลังได้รับหนังสือว่า เป็นเรื่องดีที่ ป.ป.ช.จะได้เข้ามาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว และจะทำหนังสือตอบกลับว่ายินดีที่จะให้ความร่วมมือ ส่วนข้อมูลนั้นต้องรอให้นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัด กทม. ไปรวบรวมข้อมูลให้เสร็จ

นายชาญชัย วิทูรกิจปัญญา ผอ.สำนักการระบายน้ำกล่าวว่า ในวันที่ 10 ก.ค.นี้ พร้อมจะส่งรายละเอียดทั้งหมดให้กับผู้ว่าฯ กทม.เพื่อพิจารณาต่อไป

สภา กทม.จี้ผู้ว่าฯ เร่งทำการสอบสวน

วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมสภา กทม. ได้มีการประชุมสมาชิกสภา กทม. ก่อนเข้าวาระประชุมตามปกติ นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ก.เขตคลองเตย พรรคประชาธิปัตย์ ได้หยิบยกเรื่องดังกล่าวอภิปรายในที่ประชุม โดยแสดงความเป็นห่วงต่อภาพพจน์องค์กร กทม. ที่มีเรื่องเสื่อมเสียในระดับประเทศ และเร่งรัดให้คณะกรรมการการปกครองของสภา กทม. ที่มีนายวันชัย เปี่ยมสวัสดิ์ ส.ก.เขตทุ่งครุ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานเร่งตรวจ สอบเรื่องนี้

นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ก.ห้วยขวาง กล่าวว่า อยากให้นายอภิรักษ์ควรเร่งสอบเรื่องดังกล่าวให้เป็นที่กระจ่างโดยเร็ว อย่าปล่อยให้เป็นแค่ปาหี่เท่านั้น

นายพินิจ กาญจนชูศักดิ์ ส.ก.เขตสัมพันธวงศ์ พรรค ประชาธิปัตย์ อดีตประธานคณะกรรมการรับเรื่องร้องทุกข์ สภา กทม. ที่พิจารณาเรื่องร้องเรียนทุจริตโครงการดังกล่าว กล่าวว่า ตอนที่สอบสวนมีข้อสงสัยในประเด็นการตั้งนายชาญชัย ที่เป็นรอง ผอ.สำนักการระบายน้ำในสมัยนั้น เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาเรื่องเทคนิคและซองราคา แทนที่จะเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าเป็นประธาน


คุณคิดอย่างไรกับข่าวนี้???


วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

( รับน้องปลอดเหล้า หรือ รับน้องกรอกเหล้า )


จากในสังคมปัจจุบันการเข้ามหาวิทยาลัยแล้วเป็นประเพณีธรรมเนียมในการรับน้องของรุ่นพี่ที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

โดยเฉพาะ ข้อเสียในการ ดื่มเหล้า

สถาบันของคุณหล่ะเป็นแบบนี้หรือไม่


(รักน้องจริงอย่าชวนน้องดื่ม)

จัดทำโดย นายณัฐชัย ณ ลำปาง ID 5131601061

วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

“ยูเนสโก” ไม่ฟังไทย จ่อฟันธงปราสาทพระวิหารวันพรุ่งนี้




“ปองพล” ทำใจ กรรมการมรดกโลกไม่เลื่อนพิจารณาปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เพราะคณะกรรมการมรดกโลกระบุว่าได้ข้อมูลครบแล้ว คาดจะทราบข้อสรุปผลการประชุมที่ชัดเจนวันพรุ่งนี้ (8 ก.ค.) วันนี้ (7 ก.ค.) นายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการแห่งชาติ ว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกของไทย เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ 32 ที่เมืองควิเบก ประเทศแคนาดา ที่จะพิจารณาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจา โดยประเทศไทยได้ชี้แจงแล้วเรียบร้อย เหลือแต่ทางกัมพูชาที่กำลังดำเนินการชี้แจงอยู่ แต่เบื้องต้นมีความชัดเจนแล้วว่าไม่สามารถเลื่อนการพิจารณาได้ เพราะคณะกรรมการมรดกโลกระบุว่าได้ข้อมูลครบแล้ว แต่ไทยยืนยันว่าหากให้กัมพูชาเสนอฝ่ายเดียวจะทำให้ขาดความสมบูรณ์ในหลักเกณฑ์การขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จึงต้องดำเนินการขอขึ้นทะเบียนร่วมกัน แต่ถ้ากัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทได้แล้ว เราก็เสนออีกว่าขอให้พิจารณาในส่วนของไทยขึ้นทะเบียนมรดกโลกด้วย นายปองพล กล่าวต่อว่า การมาประชุมครั้งนี้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมที่ชี้ให้เห็นว่าเราเป็นฝ่ายเสียเปรียบมาตลอด เพราะฝ่ายกัมพูชามีการดำเนินการเป็นขั้นตอนอย่างจริงจัง แต่ไทยเจอปัญหาการเปลี่ยนรัฐบาลการรัฐประหาร ทำให้การดำเนินการขาดตอน น้ำหนักฝ่ายไทยจึงลดน้อยลง เมื่อเป็นเช่นนี้ประเทศที่เป็นกลางอย่างสหรัฐอเมริกา จีน จึงหันไปสนับสนุนกัมพูชา ไม่สามารถเปลี่ยนมาสนับสนุนไทยได้ นายปองพล กล่าวด้วยว่า จะทราบข้อสรุปผลการประชุมที่ชัดเจนในวันพรุ่งนี้ (8 ก.ค.) ตามเวลาของประเทศแคนาดา และการทำงานต่อไป คือ ผลักดันเสนอมรดกโลกของไทยอย่างอื่นที่อยู่ในระหว่างการรอ ให้เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการมรดกโลกในปีหน้า

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 7 กรกฎาคม 2551
http://news.thaihealth.net/out/index.php?url=http://www.thaisarn.com/th/news_reader.php?newsid=282406

ท่านคิดยังไรกับการเมืองในปัจจุบันนี้

ป้ายกำกับ