ภายหลังที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ร่อนคำแถลงการณ์เรื่องการไม่ไปรายงานตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง และเดินทางไปประเทศอังกฤษ ซึ่งในถ้อยคำแถลงการณ์ได้ถูกหลายฝ่ายตีความกันอย่างมากมายหลายมิติ ซึ่งผมคิดว่าการตีความแถลงการณ์ นั้นขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละกลุ่มซึ่งก็มีวัตถุประสงค์แตกต่างกัน หากในมุมมองของศาลก็อาจเป็นลักษณะไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม ศาลก็จะเสียหาย แต่ลักษณะของกระบวนการยุติธรรม ที่เป็นคดีทางการเมือง ที่มีการพูดว่า ไม่ยุติธรรม มักจะเกิดกรณีการจัดตั้งศาลพิเศษ พิจารณาตัดสิน กรณีนี้มีการตั้ง คตส.ไม่ใช่ศาล แต่ทำหน้าที่ไต่สวน การพิพากษา เป็นเรื่องของศาลปกติ โดยความเป็นจริงหากข้อมูล หลักฐาน ไม่มีน้ำหนัก ศาลจะยกฟ้อง เวลาศาลตัดสินคนที่ชนะก็จะเคารพคำตัดสินของศาล คนที่แพ้ก็มักจะรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม เป็นธรรมชาติของมนุษย์ คนอื่นฟังแต่ไม่เห็นข้อมูล แต่ศาลได้เห็นหลักฐานของทั้ง 2 ฝ่าย ผู้พิพากษามีประสบการณ์ยาวนานในวิชาชีพ เราให้ความสำคัญกับคดีทางการเมือง ว่า ต้องถูกการกลั่น กรองจากผู้มีประสบการณ์จริงๆ ให้เป็น
"ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง" ต้องผ่านประสบการณ์การวินิจฉัยปัญหาอย่างเชี่ยวชาญ ผมเชื่อ โดยไม่มีข้อสงสัยในระบบกระบวนการยุติธรรม แม้ขั้นต้นบอกว่า จะมาโดยน่าสงสัย แต่หากนำขึ้นไป แล้วข้อมูลไม่น่าเชื่อถือศาลจะยกฟ้องสำหรับกรณีที่มีคนบอกว่าระบบศาลของไทยมี 2มาตราฐานนั้นผมไม่เชื่อ " ผมเชื่อมั่นระบบศาลของไทย ว่า มีมาตรฐานเดียว " เชื่อในความเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิของท่าน หากเราไม่เชื่อในระบบศาล คิดว่าประเทศไทยอยู่ยาก กรณีคุณหญิงพจมาน คดีเลี่ยงภาษีฯ ยังไม่ยุติ อาจไม่ใช่อย่างนั้นก็ได้ เพราะมีเรื่องของการอุทธรณ์ ฎีกา กลไกของกระบวนการยุติธรรมให้ความยุติธรรมเต็มที่ หมายความว่าต้องผ่านผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายที่ พิจารณาไต่ตรองอย่างรอบคอบส่วนข้อความที่บอกว่า
"เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ผมจะแถลงความจริงให้ทุกท่านทราบ วันนี้ยังไม่ใช่วันของผม ขอให้ผู้สนับสนุนอดทนอีกนิด หนึ่งครับ" นั้นชัดเจนว่า "พ.ต.ท.ทักษิณ" มีความประสงค์จะกลับมาเมืองไทยแน่นอน เพราะดูจากคำพูดที่เขาบอกว่า "ให้รอ" ก็แสดงว่าจะกลับ มาแน่ อย่างน้อยที่สุดก็แสดงกำลังใจให้กับผู้สนับสนุน เพื่อจะได้มีแรงใจ กำลังใจในการรอคอยการกลับมาของเขาทั้งหลายทั้งปวงในคำแถลงการณ์นี้ผมคิดว่าไม่เป็นผลดีต่อคนไทยด้วยกันเอง ไม่เป็นผลดีคต่อประเทศชาติทั่วโลก สื่งเหล่านี้จะกัดกร่อนตัวเรา ทำให้ประชาชนเป็นเหยื่อของผู้นำ หรือเป็น "เหยื่อของนักการเมืองบางคน " เข้ามามีอำนาจ เข้ามาเสพสุขแล้วก็จากไป แต่ประเทศนี้เป็นของพวกเราคนไทยทุกคน เราควรต้องทำอะไรเพื่อแผ่นดิน เพื่อประเทศชาตินี้กล่าวโดยสรุป
"นักการเมือง" มีพัฒนาการของตัวเองอยู่เสมอ บางครั้งมันก็ก้าวหน้า บางครั้งก็เหมือนกลับไปข้างหลัง ประเทศไทยเรานั้นเมื่อดู ตอนนี้มีลักษณะเหมือนทำท่ากับว่าจะถอยไปข้างหลัง เหมือนที่เคยมีรัฐบาลที่มีพรรคเดียว มีเอกภาพ แล้วกลับไปสู่ความไม่ค่อยมีเอกภาพอีก แต่ก็มีหลายส่วนที่สะท้อนให้เห็นว่าการเมืองไทยมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น มันมีประชาชนจำนวนมากตื่นตัวในเรื่องการเมืองมากยิ่งขึ้น ตื่น ตัวเรื่องการเมืองมากยิ่งขึ้น ตรงนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่เดียว ถ้าเราจะมองเรื่องของ
"การพัฒนาการเมือง" ถ้ารัฐบาลเข้มแข็งอย่างเดียว ผลประโยชน์ต่อประเทศชาติคงน้อย เราต้องดูว่าประชาชนตื่นตัว มากไหม โดยเฉพาะภาคประชาชนที่จะมาตรวจสอบการทำงานของนักการเมืองว่าทำงานโดยชอบหรือไม่ ซึ่งในประเทศที่พัฒนาแล้ว ขบวน การของประชาชนที่มีความเข้มแข็งในการตรวจสอบ ถ้าใครประพฤติมิชอบก็จะตรวจสอบอย่างแข็งขัน การเมืองไทยต่อไปจะดีขึ้น เข้มแข็งขึ้น มีนักการเมืองทำผิดได้น้อยลง ประเทศชาติก็เจริญขึ้นโดยลำดับ
จัดทำโดย นายณัฐชัย ณ ลำปาง ID 5131601061