เชียร์ 51

ข่าวเด็ด

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เพลงเลือดสีขาว

เลือดสีขาว

(ญ)เลือดสีขาว เราชาวนิติศาสตร์(ช.นิติศาสตร์)
(ญ)เกียรติประกาศ เรานั้นนักกฎหมาย(ช.นักกฎหมาย)
(ญ)ไม่ย่อท้อ ต่อสู้พร้อมนำชัย(ช.พร้อมนำชัย)
(ญ)เพื่อเกียรติก้องไกล ให้สมนามลูกเจ้ารพี

(ช)ขอเป็นตะวัน สาดแสงแรงกล้า(ญ.สาดแสงแรงกล้า)
(ช)ส่องทั่วอาณา ธำรงยุติธรรม(ญ.ยุติธรรม)
(ช)ไม่หวั่นเกรง แม้ใครหยามเกียรติรุกราน(ญ.หยามเกียรติรุกราน)
(ช)สุจริตตั้งมั่น ด้วยศักดิ์รักเกียรติของเรา


(พร้อมกัน)


เลือดสีขาว เราชาวนิติศาสตร์
เกียรติประกาศ เรานั้นนักกฎหมาย
ลูกแม่ฟ้า แกร่งกล้าท้าโพยภัย
สู่ความยิ่งใหญ่ ให้ประจักษ์สู่ผองชน
ขอเป็นดั่งเดือน จรัสนภา
เจิดจ้าทั่วฟ้า สูงค่าความดี
แม้ธรณี ตราตรึงแน่นไว้
ด้วยชีวาวาย ไม่เสื่อมศักดิ์รักภักดี
(ช)ด้วยชีวาวาย ไม่เสื่อมศักดิ์รักภักดี

เพลง มฟล

มาร์ชมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
คำร้อง/กฤตบุญ รณรื่น
ทำนอง/ประสม เกตุภรณ์
เรียบเรียงเสียงประสาน/ อ.วิจิตร์ จิตรรังสรรค์
ขับร้อง/หมู่


แม่ฟ้าหลวง แดนดินถิ่นรวมใจรักมั่น
สานสัมพันธ์ตรึงใจศรัทธา
ถิ่นแดง-ทอง เรืองรองผ่องไพบูลย์พราวพร่างฟ้า
รวมสัญญารักพี่น้องเพื่อน
แม่ฟ้าหลวง เราภูมิใจในศักดิ์ศรีเรา
จำฝังใจแนบเนาไม่เลือน
ลูกแดง-ทอง มีธรรมครองใจมั่นคงตรึงเตือน
หลอมใจพี่น้องเพื่อน ไม่เคลื่อนคลาย
มุ่งสร้างสรรค์งานวิชาการล้ำค่า
พัฒนาก้าวไกลไม่เว้นวาย
เพิ่มภูมิรู้ภูมิธรรมให้เลิศล้ำดั่งหมาย
หวังสร้างไทยพราวพรายสุขสมปอง
แม่ฟ้าหลวง รวมใจก้าวไปไม่ไหวหวั่น
สานสัมพันธ์สร้างไทยถิ่นทอง
แม่ฟ้าหลวง คือความภูมิใจแห่งเราผอง
พร้อมสร้างไทยเรืองรอง เกียรติเกริกไกร
สีแดงผู้ชายร้อง สีน้ำเงินผู้หญิงร้อง

มาร์ช มฟล.
คำร้อง-ทำนอง/โกวิท เกิดศิริ
เรียบเรียงเสียงประสาน/ประสม เกตุภรณ์
ขับร้อง/หมู่

สีแดง-ทองโบกพลิ้วปลิวไสว เป็นศูนย์รวมดวงใจแห่งแคว้นแดนล้านนา
สัญลักษณ์ สว. นั้นคือ ดวงตรา เราเทิดทูนบูชาพระนามาศิริมงคล
ล้ำโอฬารสถานแหล่งศึกษา เป็นที่รวมวิชาสร้างสรรค์ชีวิตตน
พัฒนาสังคมโดดเด่นงามล้น ด้วยคุณภาพบุคคล ภาคเหนือตอนบนเราภูมิใจ
**“มฟล.” นามนี้มีสง่า พวกเราเปี่ยมศรัทธา สามัคคี มีวินัย ทุกสายโลหิต
สนิทกัน
เพราะสายสัมพันธ์ สลักใจ ไม่มีสิ่งใดประทุษทำลายใจกัน
พร้อมทุกคนร่วมรักในศักดิ์ศรี เย็นพระบารมีแผ่คุ้มเรานิรันดร์ “มฟล.”
ฝังตรึงอยู่ในใจนั้น พระคุณอเนกอนันต์ สถาบันเรา เนายืนยง
**ซ้ำ
สีแดงผู้ชายร้อง สีน้ำเงินผู้หญิงร้อง
ตั้งใจร้องกันนะครับน้องๆ
P ชี'ส
มีปัญหาไรเม้นถามได้น้า
http://www.mfu.ac.th/center/lib/archives/online_song.htm ฟังเพลงที่นี่

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2551

สนธิ"ย้อนอัปยศการเมืองเก่านัดแฉปปช.ดองคดี"แม้ว"วันนี้

"สนธิ"ย้อนอดีตชี้ให้เห็นการเมืองเก่าสุดเน่าเฟะ รุมทึ้งทรัพย์สมบัติของชาติอย่างน่าอัปยศ ขณะเดียวกันถึงเวลาการเมืองใหม่เพื่อเข้ามาล้างความชั่วทุกวงการให้โปร่งใส พร้อมนัดเปิดโปง ปปช.บางคนดองคดี "แม้ว" ทุจริตวันนี้(24 ก.ย.)

เมื่อเวลาประมาณ 21.50 น. วันที่ 23 ก.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ตนไม่พูดเรื่องการเมืองใหม่มากนัก สาเหตุเป็นเพราะต้องการให้ทุกคนได้ไปคิดกันเอาเอง แต่ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าสาเหตุที่ต้องมาชุมนุมเพราะไม่เอาการเมืองเก่า

นายสนธิ ยังเกล่าย้อนอดีตสมัยเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตยได้เห็นการเมือง มามากหลายยุคสมัย มีนักหนังสือพิมพ์หลายคนพัฒนากาวหน้ามาไกล แต่บางคนก็ตรงกันข้าม พร้อมทั้งยกตัวอย่างหนังสือพิมพ์มติชน ที่คนคิดว่าเป็นหัวก้าวหน้า แต่ไม่ใช่ วันนี้เห็นภาพที่ นายขันธ์ชัย บุนปาน ผู้บริหารมติชนนำกระเช้าดอกไม้ไปแสดงความยินดีกับ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อย่างไรก็ดีจะได้เห็นกันชัดขึ้น เพราะเป็นอีแอบมานานแล้ว

นอกจากนี้ นาสนธิ ยังย้อนอดีตให้เห็นถึงสมัยที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นไม้เบื่อไม่เมากับหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เนื่องจาก ร.ต.อ.เฉลิม ได้รับคำสั่งจากอดีตนายกฯให้ไปปิดผับเดอะพาเลซเนื่องจากไม่พอใจที่แฉเรื่อง คู่ขาของตัวเอง สมัยที่เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯและตั้งหน่วยเฉพาะกิจขึ้นมาปราบปราม อบายมุขบังหน้า

นายสนธิ ยังกล่าวอีกว่า ในสมัยก่อนเคยถูกทาบทามให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เพียงแค่ให้ช่วยบริจาคเงินเข้าพรรคการเมืองเพียง 50 ล้านบาท แต่ได้ปฏิเสธไป โดยขอเป็นรัฐมนโทข้างนอกดีกว่า

นายสนธิ ยังได้ย้อนอดีตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สมัยที่หิ้วก๋วยเตี๋ยวไปตามตื้อ ร.ต.อ.เฉลิม สมัยที่เป็นรัฐมตรีประจำสำนักนายกฯเพื่อขอสัมปทานเคเบิ้ลทีวีกับอสมท.แต่ต่อ มาเมื่อ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นสั่งให้ ร.ต.อ.เฉลิม อนุมัติเคเบิ้ลทีวีให้กับกลุ่มกาญจนพาสในนามของไทยสกายทีวีทำให้ความ สัมพันธ์ของทั้งคู่บาดหมางกันช่วงหนึ่ง

นายสนธิ กล่าวว่า ยุคการเมืองน้ำเน่าอย่างแท้จริงได้เริ่มขึ้นในยุคโทรคมนาคม ในยุคที่ นายมนตรี พงษ์พานชิ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคนๆนี้เป็นต้นแบบทุกอย่างทางการเมืองของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในปัจจุบัน และยุคนี้เป็นยุคที่ถูกเรียกว่าเป็นยุคบุพเฟร์คาบิเนต

นายสนธิ กล่าวอีกว่า เป็นยุคที่มีการนำสัมปทานของชาติมาแบ่งขายกันเองในหมู่นักธุรกิจกับนักการ เมือง ซึ่งยุคนี้มี พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าไปเกี่ยวข้องอย่างสำคัญในเรื่องของการวิ่งเต้นขอสัมปทานโทรศัพท์มือถือ และว่าทุกอย่างต้องแลกกันด้วยผลประโยชน์ ทั้งที่ทางที่ถูกต้องมีการเปิดประมูลให้บ้านเมืองได้ประโยชน์สูงสุด

"สิ่งเหล่านี้คือการเมืองเก่า ที่ไม่มีการตรวจสอบ อย่างข้าราชการบางคนถ้าอยากได้เป็นอธิบดี ก็จะมีพ่อค้าลงขันกันซื้อเก้าอี้ให้ เมื่อข้าราชการคนนั้ยได้เป็นอธิบดี ก็จะตอบแทนโครงการให้กับพ่อค้าเหล่านั้น ซึ่งเป็นแบบนี้มานานจนเน่าเฟะมาเรื่อย จะหาข้ราชการที่ทำเพื่อชาติบ้านเมืองสมเป็นข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวยากมาก และเป็นการเมืองที่อัปยศที่สุด" นายสนธิ ระบุ

อย่างไรก็ดีแกนนำพันธมิตรฯผู้นี้กล่าวอีกว่าการทุจริตแบบนี้จะไม่ เกิดขึ้นในสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยยกตัวอย่างอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมคนหนึ่งที่พยายามทุจริตใน โครงการไทยเดินเรือทะลมูลค่าในสมัยนั้นประมาณถึง 2 พันล้านบาท แต่ พล.อ.เปรมรู้และขัดขวาง และต่อมาเมื่อปรับคณะรัฐมนตรีรัฐมนตรีคนนั้นจึงหลุดจากตำแหน่ง และนี่คือสาเหตุที่อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมคนนั้นที่บัดนี้ กำลังชะตาขาดโกรธ พล.อ.เปรมจนถึงบัดนี้ ซึ่งมันคิดว่าไม่มีใครรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังเรื่องพวกนี้

ขณะเดียวกันนายสนธิ กล่าวเปรียบเทียบว่า การเมืองใหม่คือการล้างความชั่วในทุกวงการให้โปร่งใส ใครจะทำอะไรก็มองเห็นหมด และยังตีกรอบให้ข้าราชการต้องซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินให้สมกับเป็นข้าราชการของ พระเจ้าอยู่หัว เพราะถ้าปล่อยให้การเมืองเก่าเป็นอย่างนี้ต่อไปบ้านเมืองก็จะสูญสิ้น เวลานี้มีตุลาการบางคน ตำรวจบางคน และอัยการบางคนไม่ซื่อสัตย์ ถ้าเราพึ่งคนพวกนี้ไม่ได้แล้วจะไปพึ่งใคร

อย่างไรก็ตามในตอนท้าย นายสนธิ ยังได้เปิดโปง ปปช.คนหนึ่งที่สนิทชิดเชื้อกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ดองทุกคดีทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิที่ส่งไปจาก คตส.ซึ่งปปช.คนนี้รับผิดชอบ แต่ดองเอาไว้ทุกคดี ซึ่งพรุ่งนี้จะแฉว่าเป็นใคร รวมทั้งเบื้องหลังของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย ที่ถูกดำเนินคดีซีทีเอ็กซ์ด้วย

http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000113033

โพสโดย กฤตย์ อิสสระพันธุ์ รหัส 5131601231

วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2551

พผ.ยังวุ่น ส.ส.ป่วน โผ ครม.ไม่ลงตัว “สุวิทย์” ถอนตัว

ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดินไม่พอใจโผ ครม.ของพรรค ที่ ส.ส.ในกลุ่มของตัวเองไม่ได้รับตำแหน่งใน ครม.สมชาย 1 เผยเตรียมเคลื่อนไหวต่อรองวันนี้ ฉุน “สุวิทย์” ไม่เคยขอความคิดเห็นของ ส.ส.ในพรรค โฆษกพรรคแจง “สุวิทย์” ไม่รับตำแหน่ง อ้างอยากให้มีการปรับเปลี่ยนตัวบุคลากรบ้าง ยันได้ รมต.4 ตำแหน่งเท่าเดิม วันนี้ (23 ก.ย.) นายปุระพัฒน์ วิเศษจินดาวัฒนา ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า ส.ส.ในกลุ่มเตรียมเคลื่อนไหว หากรายชื่อ ครม.ในส่วนของพรรคไม่เป็นที่น่าพอใจ โดยทางกลุ่มได้เสนอ นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ และนายพิเชษฐ์ ตันเจริญ ให้เป็นรัฐมนตรีใน ครม.สมชาย 1 ด้วย ซึ่งที่ผ่านมานายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคไม่เคยขอความคิดเห็นจากพวกตน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะเคลื่อนไหวในรูปแบบใด ซึ่งได้มีการหารือนายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อแผ่นดินบ้างแล้ว ทั้งนี้ นายสุชาติ ยืนยันว่า บัญชีรายชื่อ รมต.ในส่วนของพรรคเพื่อแผ่นดินยังไม่ลงตัว และเตรียมแถลงข่าวเพื่อต่อรองตำแหน่งกับหัวหน้าพรรคในวันนี้ด้วย ด้าน นายปาน พึ่งสุจริต รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวล่าสุดของการจัดคณะรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคว่า ล่าสุดมีการเปลี่ยนแปลงเพียงแค่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ที่เข้ามาแทน นายสุวิทย์ คุณกิตติ เท่านั้น นายไชยยศ จิรเมธากร โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า แต่เดิมพรรคเพื่อแผ่นดินมีมติให้นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่อ แต่เมื่อ 22 ก.ย.ที่ผ่าน เมื่อถึงกำหนดส่งรายชื่อให้พรรคพลังประชาชน นายสุวิทย์ตัดสินใจไม่รับตำแหน่งเพราะอยากให้มีการปรับเปลี่ยนตัวบุคลากรบ้าง โดยพรรคเพื่อแผ่นดินได้รัฐมนตรี 4 ตำแหน่ง ขณะที่ พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ในฐานะแกนนำกลุ่มเพื่อนยงยุทธ กล่าวถึงบัญชีรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐบาลสมชาย 1 ว่า กลุ่มเพื่อนเนวินได้โควต้า 4 ตำแหน่งเท่าเดิม แต่อาจเปลี่ยนตัวบุคคล เช่น นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ได้เป็นรัฐมนตรีช่วย ส่วนโควตาพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ตนคาดว่าน่าจะเหมือนเดิม ส่วน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่ายังคงพักผ่อนภายในบ้านย่านแจ้งวัฒนะ โดยยังไม่มีบุคคลใดเข้าพบ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดูแลรักษาความปลอดภัยบ้านอย่างเข้มงวด
สรุปข่าว
จากข่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่าพรรคเพื่อแผ่นดินไม่พอใจในโผครม.ใหม่ซึ่งสส.ของพรรคที่ไม่ได้รับตำแหน่งตามที่พรรคพผ.ต้องการ
โดย นายรวมเลิศ สุภานันท์ 5131601165

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551

โพลชี้ 'โอบามา' พลิกนำ 'แมคเคน' อีก

สองผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
เอเอฟพี - ผลสำรวจคะแนนนิยมหลายสำนักระบุเมื่อวันพุธ (17) ว่าผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ ของทั้งสองพรรค ยังมีคะแนนสูสีกันใน 5 มลรัฐสำคัญที่จะชี้ขาดชัยชนะในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนนี้ ส่วนคะแนนในระดับทั่วประเทศนั้น บารัค โอบามานำหน้าจอห์น แมคเคน อยู่ที่ 48 ต่อ 43 เปอร์เซ็นต์ ผลสำรวจคะแนนนิยมของซีบีเอสนิวส์/นิวยอร์กไทมส์ที่จัดทำล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่า ในระดับประเทศนั้น โอบามามีคะแนนตีตื้นกลับขึ้นมานำแมคเคนได้อีกครั้ง ภายหลังจากที่แมคเคนทำคะแนนแซงโอบามาไปราว 2 แต้ม (เปอร์เซ็นต์) ในช่วงการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันที่ผ่านมา ซีบีเอสระบุถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในการสำรวจล่าสุดว่า โอบามากลับมาทำคะแนนนำหน้าแมคเคนอยู่ 5 แต้มก็เพราะได้เสียงสนับสนุนจากผู้ลงคะแนนกลุ่มอิสระและกลุ่มผู้หญิงนั่นเอง โดยกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งอิสระนั้นเคยเทคะแนนให้โอบามาก่อนที่จะเปลี่ยนไปสนับสนุนแมคเคนในช่วงหลังการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน แต่แล้วก็กลับมาเลือกโอบามาอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ก่อน และล่าสุดกลุ่มนี้ได้ลงคะแนนให้โอบามา 46 เปอร์เซ็นต์ และให้แมคเคน 41 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้น ซีบีเอสยังพบด้วยว่า กลุ่มผู้หญิงเองก็หันมาสนับสนุนโอบามาเพิ่มขึ้นหลังจากที่เมื่อสองสัปดาห์ก่อนได้เปลี่ยนใจไปเทคะแนนให้แมคเคนมากขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ขณะนี้โอบามามีคะแนนนิยมนำหน้าแมคเคนอยู่ที่ 54 เปอร์เซ็นต์ ต่อ 38 เปอร์เซ็นต์ในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นผู้หญิงทั้งหมด ทว่าในกลุ่มผู้หญิงผิวขาว โอบามามีคะแนนนำแมคเคนอยู่ 2 แต้ม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคะแนนนิยมของโอบามามีการเหวี่ยงตัวกลับมาสูงถึง 21 เปอร์เซ็นต์ภายในระยะเวลา 7 วัน การสำรวจคะแนนนิยมของซีบีเอส/นิวยอร์กดังกล่าวจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 12-16 กันยายน โดยใช้ตัวอย่าง 1,133 ตัวอย่าง ขณะเดียวกัน ก็มีผลสำรวจอีกชุดหนึ่งจัดทำในระหว่างวันที่ 14-16 กันยายน โดยซีเอ็นเอ็น/นิตยสารไทม์ ระบุว่า โอบามาและแมคเคนนั้นจะต้องสู้ศึกหนักในฟลอริดาซึ่งเป็นมลรัฐที่จำเป็นต้องชนะเลือกตั้งให้ได้ แต่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในฟลอริดา 48 เปอร์เซ็นต์ให้คะแนนผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของทั้งสองพรรคพอๆ กัน ส่วนที่โอไฮโอ โอบามาแซงหน้าแมคเคนอยู่เพียง 2 แต้มเท่านั้น ทั้งนี้ สนามเลือกตั้งหลักอย่างฟลอริดาและโอไฮโอนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชัยชนะของผู้สมัครจากทั้งสองพรรคในวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ เพราะในการเลือกตั้งสหรัฐฯ เมื่อปี 2000 ชาวฟลอริดาลงคะแนนให้ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชมากกว่าคู่แข่งเพียงเล็กน้อย และในการเลือกตั้งครั้งถัดมาในปี 2004 บุชก็มีชัยชนะได้อีกครั้งด้วยคะแนนนำเพียงฉิวเฉียดจากรัฐโอไฮโอ ผลสำรวจของซีเอ็นเอ็น/ไทม์ ระบุว่า แมคเคนมีคะแนนนำโอบามาอยู่ 6 แต้มในอินดีแอนา ส่วนในแอริโซนาแมคเคนก็นำหน้าเช่นกันโดยได้คะแนนสนับสนุนอยู่ที่ 51 เปอร์เซ็นต์ ทว่า ที่นอร์ทแคโรไลนานั้น แม้แมคเคนจะนำหน้าโอบามาอยู่ 1 แต้ม แต่ในรัฐนี้บุชเคยทำคะแนนทิ้งห่างคู่แข่งได้ในการเลือกตั้งทั้ง 2 ครั้ง ดังนั้นการที่คะแนนนิยมของทั้งสองพรรคมาอยู่ในระดับสูสีกันจึงเป็นฝีมือของทีมหาเสียงของโอบามาที่ทุ่มเทในรัฐดังกล่าวนับตั้งแต่ที่เดโมแครตมีชัยชนะในการเลือกตั้งขั้นต้น (ไพรมารี) เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั่นเอง ส่วนที่วิสคอนซินโอบามานำแมคเคนอยู่ 3 แต้ม โดยมีคะแนนสนับสนุนที่ 50 เปอร์เซ็นต์ อัล กอร์ และจอห์น เคอรีเคยทำคะแนนนำบุชเล็กน้อยในการเลือกตั้งปี 2000 และ 2004 ที่รัฐนี้ เมื่อนับจากผลการสำรวจคะแนนนิยมในครั้งหลังๆ รวมทั้งครั้งล่าสุดนี้ ซีเอ็นเอ็น คาดการณ์ว่า หากสมมุติสถานการณ์ว่ามีการเลือกตั้งประธานาธิบดีวันนี้ โอบามาก็จะเป็นฝ่ายชนะโดยมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 233 คะแนน ส่วนแมคเคนมีอยู่ 189 คะแนน
วิเคราะห์ข่าว
สถานการณ์การเลือกตั้งในอเมริกาตอนนี้ก็เป็นไปอย่างดุเดือดเช่นเดียวกับเมื่อตอนปี2004เมื่อบุชต้องชิงตำแหน่งของตัวเองอีกครั้งซึ่งโพลก็ระบุออกมาว่าคะแนนสูสีแต่ในท้ายที่สุดบุชก็ชนะมาได้ดังนั้นในครั้งนี้ตัวแปรสำคัญจึงเป็นทีมหาเสียงของแต่ละฝ่ายที่จะเรียกเก็บคะแนนมาได้มากแค่ไหนถึงกระนั้นก็เป็นที่น่าสนใจว่าถ้าโอบามาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเค้าจะเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐอเมริกาซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
วิเคราะห์ข่าวโดย นายรวมเลิศ สุภานันท์ 5131601165 ตอนเรียน1

โสมแดงปัดข่าวลือ “คิม” ป่วยหนัก-เผยเตรียมเปิด รง.นิวเคลียร์อีก

ภาพถ่ายภายนอกโรงงานนิวเคลียร์ที่ยงบยอน ของเกาหลีเหนือ
เอเอฟพี – เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือปฏิเสธข่าวลือ ผู้นำคิมจองอิลป่วยหนัก ชี้เป็นความตั้งใจที่จะทำลายความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้ พร้อมเผยเปียงยางกำลังเตรียมการเพื่อเปิดทำการโรงงานนิวเคลียร์ที่ยงบยอนอีกครั้ง ฮยอน ฮักบอง เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ชายแดนหมู่บ้านปานมุนจอม ก่อนมีการเจรจาความช่วยเหลือด้านพลังงานระหว่าง 2 เกาหลีว่า ข่าวลืออาการป่วยของผู้นำคิมเป็นเรื่องที่คนชั่วร้ายกุขึ้น เพื่อต้องการให้เกาหลีทั้งสองประเทศแตกหักกัน ฮยอนยังกล่าวด้วยความไม่พอใจ พร้อมกับชี้นิ้วไปที่นักข่าวของเกาหลีใต้ว่า “หากว่าพวกเขาทำจริง (การแพร่ข่าวลือผิดๆ เกี่ยวกับคิมจองอิล) เราก็ไม่รู้สึกแปลกใจเลย และความสามัคคีของเราจะไม่ถูกทำลาย” หลังจากที่ผู้นำเกาหลีเหนือ วัย 66 ปี ไม่มาปรากฏตัวที่งานแสดงพาเหรด ในวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา อันเป็นวันฉลองการก่อตั้งประเทศ เจ้าหน้าที่ของโสมขาวได้ระบุว่า เขาเข้ารับการผ่าตัดสมอง และเส้นเลือดสมอง เมื่อประมาณกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และอาการยังไม่ดีขึ้น นับแต่นั้น เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีใต้ก็ไม่กล่าวแสดงความเห็นเกี่ยวกับสุขภาพของผู้นำคิมอีก โดยชี้ว่าอาจทำลายความสัมพันธ์ระหว่างกันได้ ยิ่งไปกว่านั้น ฮยอน ซึ่งเป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศ ด้านกิจการสหรัฐฯ ยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เกาหลีเหนือกำลังเตรียมเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ยงบยอนใหม่อีกครั้ง โดยระบุว่าเครื่องมือ และอุปกรณ์ต่างๆ ได้ถูกลำเลียงกลับไปยังโรงงานแล้ว และคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องปฏิกรณ์อีกในเร็วๆ นี้ สำหรับการเจรจาความช่วยเหลือด้านพลังงานของทั้งสองเกาหลีในครั้งนี้ยังดำเนินต่อไป แม้ว่าเกาหลีเหนือจะประกาศหยุดการปิดโรงงานผลิตพลูโตเนียมแห่งนี้ และที่อื่นๆ ในเดือนที่ผ่านมา เพื่อประท้วง ที่สหรัฐฯ ปฏิเสธไม่ยอมถอดเกาหลีเหนือออกจากรายชื่อผู้ก่อการร้าย
วิเคราะห์ข่าว
เห็นได้ว่าเกาหลีเหนือมีท่าทีเพิกเฉยต่อมติของนานาชาติในข้อเรียกร้องต่างๆและการที่ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือป่วยจนไม่สามารถมาร่วมงานแสดงได้แสดงว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าป่วยหนักมากซึ่งคิมเองก็อายุมากแล้วหากคิมเสียชีวิตก็อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในเกาหลีเหนือได้
วิเคราะห์ข่าวโดย นายรวมเลิศ สุภานันท์ ตอนเรียน1 5131601165

ท่านคิดยังไรกับการเมืองในปัจจุบันนี้

ป้ายกำกับ