เชียร์ 51

ข่าวเด็ด

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551

โพลชี้ 'โอบามา' พลิกนำ 'แมคเคน' อีก

สองผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
เอเอฟพี - ผลสำรวจคะแนนนิยมหลายสำนักระบุเมื่อวันพุธ (17) ว่าผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ ของทั้งสองพรรค ยังมีคะแนนสูสีกันใน 5 มลรัฐสำคัญที่จะชี้ขาดชัยชนะในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนนี้ ส่วนคะแนนในระดับทั่วประเทศนั้น บารัค โอบามานำหน้าจอห์น แมคเคน อยู่ที่ 48 ต่อ 43 เปอร์เซ็นต์ ผลสำรวจคะแนนนิยมของซีบีเอสนิวส์/นิวยอร์กไทมส์ที่จัดทำล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่า ในระดับประเทศนั้น โอบามามีคะแนนตีตื้นกลับขึ้นมานำแมคเคนได้อีกครั้ง ภายหลังจากที่แมคเคนทำคะแนนแซงโอบามาไปราว 2 แต้ม (เปอร์เซ็นต์) ในช่วงการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันที่ผ่านมา ซีบีเอสระบุถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในการสำรวจล่าสุดว่า โอบามากลับมาทำคะแนนนำหน้าแมคเคนอยู่ 5 แต้มก็เพราะได้เสียงสนับสนุนจากผู้ลงคะแนนกลุ่มอิสระและกลุ่มผู้หญิงนั่นเอง โดยกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งอิสระนั้นเคยเทคะแนนให้โอบามาก่อนที่จะเปลี่ยนไปสนับสนุนแมคเคนในช่วงหลังการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน แต่แล้วก็กลับมาเลือกโอบามาอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ก่อน และล่าสุดกลุ่มนี้ได้ลงคะแนนให้โอบามา 46 เปอร์เซ็นต์ และให้แมคเคน 41 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้น ซีบีเอสยังพบด้วยว่า กลุ่มผู้หญิงเองก็หันมาสนับสนุนโอบามาเพิ่มขึ้นหลังจากที่เมื่อสองสัปดาห์ก่อนได้เปลี่ยนใจไปเทคะแนนให้แมคเคนมากขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ขณะนี้โอบามามีคะแนนนิยมนำหน้าแมคเคนอยู่ที่ 54 เปอร์เซ็นต์ ต่อ 38 เปอร์เซ็นต์ในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นผู้หญิงทั้งหมด ทว่าในกลุ่มผู้หญิงผิวขาว โอบามามีคะแนนนำแมคเคนอยู่ 2 แต้ม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคะแนนนิยมของโอบามามีการเหวี่ยงตัวกลับมาสูงถึง 21 เปอร์เซ็นต์ภายในระยะเวลา 7 วัน การสำรวจคะแนนนิยมของซีบีเอส/นิวยอร์กดังกล่าวจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 12-16 กันยายน โดยใช้ตัวอย่าง 1,133 ตัวอย่าง ขณะเดียวกัน ก็มีผลสำรวจอีกชุดหนึ่งจัดทำในระหว่างวันที่ 14-16 กันยายน โดยซีเอ็นเอ็น/นิตยสารไทม์ ระบุว่า โอบามาและแมคเคนนั้นจะต้องสู้ศึกหนักในฟลอริดาซึ่งเป็นมลรัฐที่จำเป็นต้องชนะเลือกตั้งให้ได้ แต่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในฟลอริดา 48 เปอร์เซ็นต์ให้คะแนนผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของทั้งสองพรรคพอๆ กัน ส่วนที่โอไฮโอ โอบามาแซงหน้าแมคเคนอยู่เพียง 2 แต้มเท่านั้น ทั้งนี้ สนามเลือกตั้งหลักอย่างฟลอริดาและโอไฮโอนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชัยชนะของผู้สมัครจากทั้งสองพรรคในวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ เพราะในการเลือกตั้งสหรัฐฯ เมื่อปี 2000 ชาวฟลอริดาลงคะแนนให้ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชมากกว่าคู่แข่งเพียงเล็กน้อย และในการเลือกตั้งครั้งถัดมาในปี 2004 บุชก็มีชัยชนะได้อีกครั้งด้วยคะแนนนำเพียงฉิวเฉียดจากรัฐโอไฮโอ ผลสำรวจของซีเอ็นเอ็น/ไทม์ ระบุว่า แมคเคนมีคะแนนนำโอบามาอยู่ 6 แต้มในอินดีแอนา ส่วนในแอริโซนาแมคเคนก็นำหน้าเช่นกันโดยได้คะแนนสนับสนุนอยู่ที่ 51 เปอร์เซ็นต์ ทว่า ที่นอร์ทแคโรไลนานั้น แม้แมคเคนจะนำหน้าโอบามาอยู่ 1 แต้ม แต่ในรัฐนี้บุชเคยทำคะแนนทิ้งห่างคู่แข่งได้ในการเลือกตั้งทั้ง 2 ครั้ง ดังนั้นการที่คะแนนนิยมของทั้งสองพรรคมาอยู่ในระดับสูสีกันจึงเป็นฝีมือของทีมหาเสียงของโอบามาที่ทุ่มเทในรัฐดังกล่าวนับตั้งแต่ที่เดโมแครตมีชัยชนะในการเลือกตั้งขั้นต้น (ไพรมารี) เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั่นเอง ส่วนที่วิสคอนซินโอบามานำแมคเคนอยู่ 3 แต้ม โดยมีคะแนนสนับสนุนที่ 50 เปอร์เซ็นต์ อัล กอร์ และจอห์น เคอรีเคยทำคะแนนนำบุชเล็กน้อยในการเลือกตั้งปี 2000 และ 2004 ที่รัฐนี้ เมื่อนับจากผลการสำรวจคะแนนนิยมในครั้งหลังๆ รวมทั้งครั้งล่าสุดนี้ ซีเอ็นเอ็น คาดการณ์ว่า หากสมมุติสถานการณ์ว่ามีการเลือกตั้งประธานาธิบดีวันนี้ โอบามาก็จะเป็นฝ่ายชนะโดยมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 233 คะแนน ส่วนแมคเคนมีอยู่ 189 คะแนน
วิเคราะห์ข่าว
สถานการณ์การเลือกตั้งในอเมริกาตอนนี้ก็เป็นไปอย่างดุเดือดเช่นเดียวกับเมื่อตอนปี2004เมื่อบุชต้องชิงตำแหน่งของตัวเองอีกครั้งซึ่งโพลก็ระบุออกมาว่าคะแนนสูสีแต่ในท้ายที่สุดบุชก็ชนะมาได้ดังนั้นในครั้งนี้ตัวแปรสำคัญจึงเป็นทีมหาเสียงของแต่ละฝ่ายที่จะเรียกเก็บคะแนนมาได้มากแค่ไหนถึงกระนั้นก็เป็นที่น่าสนใจว่าถ้าโอบามาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเค้าจะเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐอเมริกาซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
วิเคราะห์ข่าวโดย นายรวมเลิศ สุภานันท์ 5131601165 ตอนเรียน1

ไม่มีความคิดเห็น:


ท่านคิดยังไรกับการเมืองในปัจจุบันนี้

ป้ายกำกับ