เชียร์ 51

ข่าวเด็ด

วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2551

สังเวยเหตุตร.ปะทะม็อบ เด้ง"อัศวิน"


"จงรัก"คุมสถานการณ์แทน "สมัคร"ปูดอีกคนเบอร์ใหญ่ ประชุมวางแผนที่โรงพยาบาล ทนายขอศาลแนะนำบังคับคดี



"สมัคร"บอกใจตกที่ข้อเท้า รู้ข่าวศาลให้ยึดทำเนียบต่อได้ ถามหัวหน้ารัฐบาลน่าร้องไห้หรือไม่ ปูดคนเบอร์ใหญ่ประชุมที่ รพ. ยันไม่กลัวพันธมิตร ลั่นต้องจบ ปลื้มชาวบ้านให้กำลังใจขณะเดินจ่ายตลาด ฝากดูแลอย่าให้อันธพาลครองเมือง เด้ง"อัศวิน"ช่วยราชการ ให้"จงรัก"รักษาการ ผบช.น. เชื่อสังเวยม็อบ ทนายรัฐบาลร้องศาลขอคำแนะนำ จะให้ทำอย่างไรหลังสั่งทุเลาบังคับคดี



"สมัคร"ยันไม่ได้กลัวพันธมิตรนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในรายการ "สนทนาประสาสมัคร" ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ชี้แจงสถานการณ์วุ่นวายในประเทศ โดยเฉพาะการบุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตอนหนึ่งว่า ไม่ได้กลัวกลุ่มพันธมิตร แต่เกรงว่าบ้านเมืองจะเสียหาย ไม่ต้องการให้มีการปะทะเพราะจะเข้าแผนที่ต้องการให้ทหารออกมาปฏิวัติยึดอำนาจ แต่ทหารบอกแล้วว่าจะไม่ปฏิวัติ"การชุมนุมมีการรุกล้ำเกินกว่าที่ตกลงกันไว้ ล้ำรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 จนเด็กโรงเรียนราชวินิตมัธยมไปฟ้องร้อง สุดท้ายศาลแพ่งมีคำสั่ง 22.00 น. ให้มีการเคลียร์ถนนราชดำเนิน รุ่งเช้าขอหมายเอาตำรวจไปรื้อถอน ก็มีการกระทบกระทั่งกัน ก็หาว่าทำรุนแรง ต่อมาก็ไปร้องต่อศาลแพ่งขอบรรเทา ศาลก็ให้ แต่ข่าวออกมาว่าศาลอนุญาตให้ยึดตรงนั้นต่อไปได้ แล้วอย่างไร ใจผมตกไปอยู่ที่ข้อเท้าเลย อย่างนี้มันอีกแล้วหรือนี่ แล้วราษฎรตาดำอย่างผมจะรู้สึกอย่างไร" นายสมัครกล่าวนายสมัครกล่าวอีกว่า เมื่อเวลาเอเอสทีวีขอร้องศาลปกครอง ให้คุ้มครองที่จะออกอากาศ เวลานี้ฝ่ายรัฐบาลร้องศาลปกครอง ศาลปกครองบอกสั่งเอกชนไม่ได้ เมื่อเอกชนมีปัญหาศาลให้ความคุ้มครอง แต่บัดนี้ขอศาลปกครองให้คุ้มครอง แต่ศาลปกครองสั่งเอกชนไม่ได้ อย่างนี้มันน่าร้องไห้หรือไม่ หัวหน้ารัฐบาลมันน่าร้องไห้หรือไม่ ปลุกระดมคนทั้งบ้านทั้งเมืองจนคนเข้าใจผิดหมด ศาลกลับคุ้มครองให้ทำได้ ไหวไหมอย่างนี้ พูดตรงๆ เลย เพราะต้องรับผิดชอบกับบ้านเมืองนี้



ปูดคนเบอร์ใหญ่ประชุมที่รพ."อย่านึกว่าผมไม่รู้ว่าใครทำอะไรกันอย่างไร คนเบอร์ใหญ่ไปประชุมที่โรงพยาบาลทางเหนือของกรุงเทพฯ ใครไปประชุมกันอย่างไร เบอร์คนใหญ่คนไหนผมมีหมด แต่บังเอิญว่าคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีชื่อ สมัคร สุนทรเวช ที่ไม่ใช่ปลิดทิ้งไปง่าย และใช้คติว่าความกลัวทำให้เสื่อม เพราะไม่อยากให้บ้านเมืองมันเสื่อมไปมากกว่านี้ ผมจึงไม่กลัว" นายสมัครกล่าว และว่า หากยังยึดยังอยู่ทำเนียบก็เอาไว้ก่อน แต่ต้องจัดการได้ บ้านเมืองปล่อยไปอย่างนี้ไม่ได้ มันต้องถึงจบ "หลายเรื่องที่มีข่าวมา ทำไมผมจะไม่รู้ คนจะมาล้อมบ้านผม มีมาหยิบมือหนึ่งมาก่อน แล้วทำไมไม่มา หรือมีการต่อรองอะไร แต่ของพรรค์นี้มันไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ รู้อะไรกันอยู่ แต่ผมเที่ยวพูดอะไรไปได้" นายสมัครกล่าว และว่า เรื่องการเข้าเฝ้าฯ และสื่อบอกว่าหนีนั้น ไม่มีเหตุลที่จะต้องหนี แม้มีข่าวออกมาว่าคนใหญ่คนโตในอดีต ที่จะใช้วิธีการคิกแน็ป (ลักพา) นายกรัฐมนตรี โดยจะให้คนที่เชี่ยวชาญลูกระเบิดไปโยนใส่บ้าน แต่ตนเคยโดนระเบิดหย่อนที่บ้านมาแล้ว แล้วบอกว่าทำเองนายสมัครตอบคำถามประชาชนที่ถามเข้ามาในรายการ เพื่อให้กลุ่มพันธมิตรยุติการเคลื่อนไหว ไม่เช่นนั้นกลุ่มพลังเงียบจะออกมาจัดการว่า กรุณาอย่าออกมา เพราะเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีจะต้องจัดการให้มันจบจนได้ คนพวกนี้มีแค่หยิบมือเดียว แต่ล่อหลอกเหมือนหุ่นยนต์ที่สั่งซ้ายหันขวาหันได้ คนที่อยู่รวมกันจะได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ส่วนคำถามที่เสนอให้มีการส่งบัตรแสดงความคิดเห็นทั่วราชอาณาจักร นายสมัครได้หัวเราะ และกล่าวว่า ไม่ต้องหาเรตติ้งอย่างนี้หรอก



จ่ายตลาดอ.ต.ก.ชาวบ้านให้กำลังใจผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมัคร เดินทางไปจัดรายการ "สนทนาประสาสมัคร" ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) กรมประชาสัมพันธ์ ถนนวิภาวดี โดยมีนายเผชิญ ขำโพธิ์ รักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์รอต้อนรับ ท่ามกลางการอารักขาจากตำรวจนครบาล ประมาณ 150 นาย และหลังจัดรายการเสร็จ นายสมัครได้ตอบคำถามถึงการประชุมสภาจะสามารถดับชนวนได้หรือไม่ว่า "ควรจะๆ" ก่อนโบกมือให้กับประชาชนที่มารอให้กำลังใจ พร้อมขึ้นรถเดินออกไปต่อมาเวลา 09.55 น. นายสมัคร เดินทางไปจ่ายกับข้าวที่ ตลาด อ.ต.ก. ประมาณ 30 นาที โดยซื้อทั้งของสดและของแห้ง อาทิ ไก่ ปลาอินทรี ปลาจะละเม็ด ปลาทู หมึก กุ้ง ผักสด และผลไม้ พร้อมขนมขบเคี้ยว โดยซื้อเป็นจำนวนมาก จนทำให้เลขานุการส่วนตัวต้องควักเงินจ่ายจนมือเป็นระวิง ทั้งนี้ระหว่างการเดินจ่ายตลาด ได้มีประชาชนจำนวนมากเข้ามาให้กำลังใจ พร้อมมอบดอกไม้ จนนายสมัคร ต้องห้ามไม่ให้ใครมามอบดอกไม้ พร้อมกล่าวว่า "มีกล้องมาถ่ายเยอะแยะ เดี๋ยวเขาจะว่าผมอีก" ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนอีกคนเข้ามาถามว่า หลังจากที่เข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม เป็นอย่างไรบ้าง นายสมัครตอบว่า "ห้ามเล่าๆ เขาให้เล่าไม่ได้ แต่เป็นเรื่องดี ทั้งนี้ขอให้ประชาชนทุกคนติดตามการประชุมร่วม 2 สภา บ่ายนี้" จากนั้นนายสมัครจะเดินทางกลับ แต่การจราจรในตลาด อ.ต.ก.ติดขัด จึงนั่งรอที่ม้านั่งในบริเวณตลาด พร้อมพูดคุยกับประชาชนอย่างเป็นกันเอง โดยนายสมัคร รับปากชาวบ้านว่าจะไม่ลาออก และดีใจที่มีคนมาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก ขณะนั้นหญิงชราคนหนึ่งได้ถามนายสมัครว่า "นายกฯใจดีเกินไป ทำไมไม่ใช้ระเบิดกับพวกพันธมิตร" นายสมัครตอบว่า "ต้องใจดี ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเหยื่อ ผมจะไม่ยอมให้มีการใช้ระเบิดเกิดขึ้น"@ ขอร้องอย่าให้อันธพาลครองเมืองนายสมัครกล่าวว่า ไม่เหนื่อยกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าเหนื่อยคงมาเดินตลาดอย่างนี้ไม่ได้ เมื่อถามว่าเครียดหรือไม่ นายสมัครชี้ให้ดูที่หน้า พร้อมกล่าวว่า "ดูเอาเองว่าเครียดหรือเปล่า" ทั้งนี้ก่อนที่นายสมัคร จะเดินขึ้นรถ ได้หยุดยืนให้สื่อมวลชนถ่ายภาพอย่างอารมณ์ดีพร้อมกล่าวขึ้นมาเองว่า "มีชาวบ้านมาบอก ขอร้องให้นายกฯอย่าปล่อยให้อันธพาลครองเมือง" ก่อนที่จะเดินขึ้นรถแวน สีดำ ทำเบียน ศร 3333 ออกไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นนายสมัครได้สั่งให้รถขบวนไปทางถนนวิภาวดี ก่อนกลับรถ วกมาเข้าที่ถนนกำแพงเพชร ผ่านหน้าตลาด อ.ต.ก.อีกครั้ง แล้ววิ่งไปตามถนนสามเสน และเลี้ยวเข้ากองทัพภาคที่ 1 ในเวลา 11.30 น. ต่อมาอีกประมาณ 25 นาที รถที่นายสมัคร นั่งได้ออกมาพร้อมรถติดตาม วิ่งย้อนไปทางตลาด อ.ต.ก.เป็นครั้งที่ 3 ทำให้สื่อมวลชนที่ติดตามอยู่แปลกใจวิ่งลงไปดู ก่อนพบว่ามีเพียงเลขานุการนายสมัครนั่งอยู่ พร้อมกล่าวว่า นายสมัครไม่ได้มาด้วย อย่างไรก็ตาม คาดว่านายสมัครจะไปกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และเวลา 14.05 น. นายสมัคร ได้เดินทางมาถึงรัฐสภา@ "โกวิท"หวั่น2ม็อบปะทะกันพล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) แถลงภายหลัง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประชุมร่วมกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนรับมือการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ว่า พล.ต.อ.โกวิท ห่วงใยใน 2 เรื่อง เรื่องแรกกำชับให้ป้องกันอย่าให้เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่ม นปก.กับกลุ่มพันธมิตร โดยให้ตำรวจป้องกันอย่าให้ตีกัน รวมถึงให้ติดตามการประชุมรัฐสภาทุกระยะ เพื่อป้องกันเหตุวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นภายหลังการประชุม เนื่องจากคำพูดต่างๆ ในสภาอาจจะสร้างแรงกระเพื่อม นำมาสู่การเผชิญหน้าของ 2 กลุ่มได้ "อีกเรื่องกำชับให้ตำรวจที่อยู่ในส่วนภูมิภาคดูแลสถานที่ราชการในพื้นที่ป้องกันกลุ่มคนเข้าไปยึดพื้นที่ เพื่อกดดัน ต่อต้าน สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน โดยให้ผู้บังคับบัญชาการจังหวัดเป็นกำลังสำคัญให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในการควบคุมสถานการณ์ ลดปัญหาและไปทำความเข้าใจกับประชาชน" รองโฆษก ตร.กล่าว และว่า รวมทั้งสั่งให้ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น.ดูแลด้านการจราจร ในวันที่ 1 กันยายนนี้ @ ตร.ยันลุยผู้ชุมนุมทำตามกฎหมายพล.ต.ต.สุรพลกล่าวว่า ขอยืนยันว่า การเข้าไปดำเนินการกับกลุ่มคนที่ผิดกฎหมายบุกรุกทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น ทำตามขั้นตอนกฎหมายทุกประการ ส่วนที่กล่าวหาตำรวจประพฤติมิชอบตามภาพข่าวปรากฏ ก็ให้กลุ่มคน หรือองค์กรต่างๆ แจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจได้ทั้งทางแพ่งและอาญา ซึ่งผลการพิจารณาของศาลที่ออกมาจะบ่งบอกว่า ตำรวจทำถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมายแล้วหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตำรวจยืนยันว่า ตำรวจจะยังจำเป็นที่จะต้องทำหน้าที่ ใช้มาตรการต่างๆ ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อควบคุมฝูงชนตามขั้นตอนกฎหมายเพื่อคุ้มครองทรัพย์สินราชการ สถานที่ราชการจากผู้ละเมิดกฎหมายผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุม พล.ต.อ.โกวิท ได้ลงมาตรวจดูของกลาง อาวุธต่างๆ จำนวนมากที่ยึดได้ จากหลังเวทีพันธมิตรที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ และจากสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที@ ขอศาลแนะนำที่สั่งทุเลาบังคับคดีด้านนายศุภชัย ใจสมุทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า หลังจากที่ศาลได้มีคำสั่งให้ระงับการบังคับคดีกรณีที่มีคำสั่งให้กลุ่มพันธมิตรออกจากทำเนียบรัฐบาล ทนายความของสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในฐานะโจทก์ จะไปยื่นคำร้องแถลงต่อศาลวันที่ 1 กันยายนนี้ โดยยืนยันว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่บังคับคดีเป็นไปตามหมายของศาล ไม่ได้เป็นการกระทำใดที่ผิดกฎหมายประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง พร้อมยืนยันว่า การดำเนินการของตำรวจในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงานไม่ได้ทำเกินเลยไป และไม่ได้เป็นการนำหมายศาลไปเพื่อสลายการชุมนุม"นอกจากนี้ จะได้ยื่นคำร้องต่อศาลว่า หลังจากศาลได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวนั้นยังไม่ได้เกิดผลอะไร กล่าวคือ นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และข้าราชการ 6 หน่วยงานในทำเนียบรัฐบาลยังไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ตามปกติ ซึ่งผลก็คือ ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเสียหาย และสิ่งที่ปรากฏชัดเจนคือ ผู้ชุมนุมไม่ได้ชุมนุมเพียงแค่ในพื้นที่สนามหญ้าเท่านั้น แต่ได้เข้าไปทุกอาคาร ซึ่งอาจมีผลให้เอกสารสำคัญของราชการที่เป็นเอกสารสำคัญของประเทศถูกทำลาย หรือเข้าไปค้นจนก่อให้เกิดความเสียหาย เพราะฉะนั้น วันที่ 1 กันยายน ทนายโจทก์จะยื่นคำร้องต่อศาลให้คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้จริงนั้น ศาลจะมีคำสั่งให้ดำเนินการได้อย่างไร เพื่อบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้น" นายศุภชัยกล่าว@ ชี้ทำเนียบเป็นสถานที่อันตรายโฆษกกระทรวงมหาดไทยกล่าวว่า ที่ว่าเป็นการชุมนุมกันโดยสงบนั้น ขณะนี้มีการฝึกอาวุธกันแล้ว ยืนยันว่าทำเนียบรัฐบาลเป็นสถานที่อันตราย ไม่แน่ใจว่ามีการสะสมอาวุธกันเพิ่มขึ้นหรือเปล่า ซึ่งจะนำเรียนต่อศาลถึงสภาพที่เกิดขึ้น และขออำนาจศาลเพื่อให้คำแนะนำว่าจะทำอย่างไรไม่เช่นนั้นบ้านเมืองเสียหาย การทำงานราชการก็ไม่ได้ สถานที่แห่งนั้นกลายเป็นสถานที่ที่กฎหมายเงื้อมมือเข้าไปไม่ถึง"ที่ต้องไปศาลวันที่ 1 กันยายน เพราะไม่ยอมรับคำสั่งศาล แล้วจะเอายังไงกัน ทุกวันนี้มีคนอยู่ในทำเนียบ ส.ว. 30 คน ส.ส.ประชาธิปัตย์ก็เดินแหวกหมายศาลเข้าไปกอดกันอยู่กับกบฏ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คำสั่งศาลแพ่งบังคับใช้กับแกนนำทุกรุ่น ไม่ว่าจะรุ่น 1 ยันรุ่นสุดท้าย ถ้าอยู่ตรงนั้นผิดหมด ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ไม่รู้กฎหมายเพราะถูกบิดเบือนหรือไม่ แต่อย่ามาอ้างว่าไม่รู้กฎหมาย" นายศุภชัยกล่าว@ เด้ง"อัศวิน"ให้"จงรัก"ลุยแทนรายงานแจ้งว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. มีคำสั่งให้ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. ไปช่วยราชการที่สำนักงาน ผบ.ตร.เป็นเวลา 30 วัน และให้ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ บช.น. รักษาการในตำแหน่ง ผบช.น.เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงพล.ต.ท.อัศวินกล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไรที่ถูกย้ายไปช่วยราชการ และยังไม่ทราบว่าจะให้ไปรับผิดชอบงานส่วนใด ก็แล้วแต่ผู้บังคับบัญชา "เขาให้ไปก็ไป เราเป็นคนมีวินัย ผู้บังคับบัญชาให้ไปอยู่ไหนก็ไป ไม่จำเป็นต้องถามเหตุผล คือผมเป็นคนง่ายๆ ให้อยู่ก็อยู่ ไปก็ไป ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น"ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุมาถูกย้ายเพราะควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ หรือกรณีเกิดเหตุการยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมที่หน้า บช.น.เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา พล.ต.ท.อัศวินกล่าวว่า "คงไม่ใช่เรื่องนั้น เพราะเรื่องนั้นเป็นเรื่องเล็ก ไม่น่าเป็นปัญหา ผมเชื่อว่าสำหรับผู้ที่จะมารับหน้าที่บัญชาการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น น่าจะเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ซึ่งต้องลองกันดู แต่รับรองได้ว่าผมไม่มีท้อ แต่เหมือนยกภูเขาออกจากอก" ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ พล.ต.ท.อัศวินได้รับคำสั่งก็สั่งให้ตำรวจในสำนักงานช่วยกันเก็บข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมด จากนั้นได้ลงมาหน้าอาคาร บช.น. สักการะอนุสาวรีย์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากฤษฎาภินิหาร กรมพระนเรศวรฤทธิ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำ บช.น.เป็นการอำลาจากตำแหน่ง@ อ้างเพื่อให้การสั่งงานคล่องตัวรายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สาเหตุที่มีการย้าย พล.ต.ท.อัศวิน เนื่องจากมีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรในพื้นที่มานาน และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหลายหน่วยงานเข้ามาควบคุมสถานการณ์ จึงอาจจะทำให้การบังคับบัญชาไม่คล่องตัว จึงให้ พล.ต.อ.จงรัก ลงมาควบคุมสั่งการ ทั้งนี้เพื่อให้การบังคับบัญชาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับเหตุการณ์การใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุม และกรณีมีการยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมบริเวณหน้า บช.น. เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา สร้างความสับสนและสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งๆ ที่ พล.ต.ท.อัศวิน บัญชาการอยู่ในที่เกิดเหตุ@ ตร.ยันไม่ได้ใช้แก๊สน้ำตาสลายม็อบวันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดแถลงและสาธิตวิธีการควบคุมการชุมนุม มี พ.ต.ท.ภาสกร สถิตยุทธการ รอง ผกก. 1 กองบังคับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ (บก.ตปพ.) หัวหน้าหน่วยอรินทราช 26 ผู้นำชุดปฏิบัติการอาวุธพิเศษนำการสาธิต โดยนำอุปกรณ์ควบคุมฝูงชน ในลำดับความรุนแรงต่างๆ มาประกอบ พ.ต.ท.ภาสกรกล่าวว่า ในคืนวันที่ 29 สิงหาคม ที่กลุ่มพันธมิตรบุกเข้ามาที่ บช.น.นั้น ไม่มีการใช้แก๊สน้ำตา วันนั้นตามแผน ชุดปฏิบัติการอาวุธพิเศษของตนจะต้องเข้ามาทำหน้าที่ มีการเตรียมแผนควบคุมฝูงชนแบบสากล แต่ไม่ได้ใช้ ขณะที่เกิดเหตุมีเสียงระเบิดและกลุ่มควัน ชุดปฏิบัติการอาวุธพิเศษของตนยังอยู่ที่แยกวังแดง แต่ตนแยกมาถึงก่อน กว่าชุดปฏิบัติการฯจะมาถึงที่ บช.น.เหตุการณ์คลี่คลายไปแล้วเกือบ 15 นาที"ยืนยันว่าตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นชุดของนครบาล หรือชุดของหน่วยอื่นไม่ได้ใช้แก๊สน้ำตาในคืนนั้นแน่นอน ไม่มีคำสั่งจาก พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รอง ผบช.น.ที่เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ให้ใช้แก๊สน้ำตาแต่อย่างใด และสถานการณ์ในคืนนั้นตามยุทธวิธีการควบคุมฝูงชน เพียงแค่ดัน ใช้โล่ ใช้กระบองก็เกินพอแล้ว สามารถสกัดได้แล้ว สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นต้องใช้แก๊สน้ำตา เต็มที่ก็แค่ฉีดน้ำควบคุม จึงไม่จำเป็นเลยที่จะใช้แก๊สน้ำตา ขออย่าใช้รูปเพียงรูปเดียวมาตัดสิน วันนั้นหากตำรวจจะใช้แก๊สน้ำตาต้องมีหน้ากากเตรียมป้องกันตัวเอง แต่วันนั้นตำรวจไม่ใส่หน้ากากด้วยซ้ำ" พ.ต.ท.ภาสกรกล่าว@ เผยแก๊สน้ำตาคนละชนิดกับที่ตร.ใช้พ.ต.ท.ภาสกรอธิบายว่า ปกติแก๊สน้ำตาชนิดกระป๋องจะไม่มีเสียงดัง ตูมตามเหมือนระเบิด แต่จะมีเสียง ปึก ตอนที่ดึงสลักก่อนขว้างเท่านั้น ไม่มีเสียงดังตูมตาม ส่วนชนิดยิงจะมีเสียงดังเหมือนปืนจากกระบอกยิง จากนั้นจะเหลือซากของกระป๋องบรรจุแก๊ส หรือกระเดื่องที่เป้าหมาย ซึ่งในกรณีนี้คือบริเวณจุดเกิดเหตุที่หน้า บช.น. จากกรณีนี้ ตำรวจเข้าตรวจพื้นที่โดยละเอียดแล้วไม่มีซากกระป๋องแก๊ส หรือกระเดื่อง เหลืออยู่เลย "แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันคือกลุ่มควันที่หน้า บช.น.คืนนั้นคือแก๊สน้ำตา แน่นอนแต่เป็นคนละชนิดกับที่ตำรวจใช้ ที่จัดซื้อโดยกองพลาธิการและสรรพาวุธ ซึ่งจะเหมือนกันหมด เป็นของที่ผลิตในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ คุณสมบัติควันน้อย แต่ชนิดที่เห็นในภาพในคืนนั้น ควันเยอะกว่าของตำรวจใช้ 2 เท่า วิเคราะห์แล้วน่าจะเป็นของรัสเซีย หรือจีน ไม่ใช่ของตำรวจ ขณะนี้ทางผู้บังคับบัญชากำลังจะตั้งชุดเพื่อสืบสวนสอบสวนเหตุนี้ ในทุกๆ ด้านรวมถึงวิธีการยิงแก๊ส ยืนยันอีกครั้งตำรวจไม่ได้เป็นฝ่ายยิงแก๊สน้ำตาในคืนวันที่ 29 สิงหาคม" พ.ต.ท.ภาสกรกล่าว
โดยนางสาววิมลวรรณ บุญเจริญ ID 5131601177

ไม่มีความคิดเห็น:


ท่านคิดยังไรกับการเมืองในปัจจุบันนี้

ป้ายกำกับ