เมื่อเวลาประมาณ 21.50 น. วันที่ 23 ก.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ตนไม่พูดเรื่องการเมืองใหม่มากนัก สาเหตุเป็นเพราะต้องการให้ทุกคนได้ไปคิดกันเอาเอง แต่ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าสาเหตุที่ต้องมาชุมนุมเพราะไม่เอาการเมืองเก่า
นายสนธิ ยังเกล่าย้อนอดีตสมัยเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตยได้เห็นการเมือง มามากหลายยุคสมัย มีนักหนังสือพิมพ์หลายคนพัฒนากาวหน้ามาไกล แต่บางคนก็ตรงกันข้าม พร้อมทั้งยกตัวอย่างหนังสือพิมพ์มติชน ที่คนคิดว่าเป็นหัวก้าวหน้า แต่ไม่ใช่ วันนี้เห็นภาพที่ นายขันธ์ชัย บุนปาน ผู้บริหารมติชนนำกระเช้าดอกไม้ไปแสดงความยินดีกับ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อย่างไรก็ดีจะได้เห็นกันชัดขึ้น เพราะเป็นอีแอบมานานแล้ว
นอกจากนี้ นาสนธิ ยังย้อนอดีตให้เห็นถึงสมัยที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นไม้เบื่อไม่เมากับหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เนื่องจาก ร.ต.อ.เฉลิม ได้รับคำสั่งจากอดีตนายกฯให้ไปปิดผับเดอะพาเลซเนื่องจากไม่พอใจที่แฉเรื่อง คู่ขาของตัวเอง สมัยที่เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯและตั้งหน่วยเฉพาะกิจขึ้นมาปราบปราม อบายมุขบังหน้า
นายสนธิ ยังกล่าวอีกว่า ในสมัยก่อนเคยถูกทาบทามให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เพียงแค่ให้ช่วยบริจาคเงินเข้าพรรคการเมืองเพียง 50 ล้านบาท แต่ได้ปฏิเสธไป โดยขอเป็นรัฐมนโทข้างนอกดีกว่า
นายสนธิ ยังได้ย้อนอดีตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สมัยที่หิ้วก๋วยเตี๋ยวไปตามตื้อ ร.ต.อ.เฉลิม สมัยที่เป็นรัฐมตรีประจำสำนักนายกฯเพื่อขอสัมปทานเคเบิ้ลทีวีกับอสมท.แต่ต่อ มาเมื่อ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นสั่งให้ ร.ต.อ.เฉลิม อนุมัติเคเบิ้ลทีวีให้กับกลุ่มกาญจนพาสในนามของไทยสกายทีวีทำให้ความ สัมพันธ์ของทั้งคู่บาดหมางกันช่วงหนึ่ง
นายสนธิ กล่าวว่า ยุคการเมืองน้ำเน่าอย่างแท้จริงได้เริ่มขึ้นในยุคโทรคมนาคม ในยุคที่ นายมนตรี พงษ์พานชิ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคนๆนี้เป็นต้นแบบทุกอย่างทางการเมืองของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในปัจจุบัน และยุคนี้เป็นยุคที่ถูกเรียกว่าเป็นยุคบุพเฟร์คาบิเนต
นายสนธิ กล่าวอีกว่า เป็นยุคที่มีการนำสัมปทานของชาติมาแบ่งขายกันเองในหมู่นักธุรกิจกับนักการ เมือง ซึ่งยุคนี้มี พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าไปเกี่ยวข้องอย่างสำคัญในเรื่องของการวิ่งเต้นขอสัมปทานโทรศัพท์มือถือ และว่าทุกอย่างต้องแลกกันด้วยผลประโยชน์ ทั้งที่ทางที่ถูกต้องมีการเปิดประมูลให้บ้านเมืองได้ประโยชน์สูงสุด
"สิ่งเหล่านี้คือการเมืองเก่า ที่ไม่มีการตรวจสอบ อย่างข้าราชการบางคนถ้าอยากได้เป็นอธิบดี ก็จะมีพ่อค้าลงขันกันซื้อเก้าอี้ให้ เมื่อข้าราชการคนนั้ยได้เป็นอธิบดี ก็จะตอบแทนโครงการให้กับพ่อค้าเหล่านั้น ซึ่งเป็นแบบนี้มานานจนเน่าเฟะมาเรื่อย จะหาข้ราชการที่ทำเพื่อชาติบ้านเมืองสมเป็นข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวยากมาก และเป็นการเมืองที่อัปยศที่สุด" นายสนธิ ระบุ
อย่างไรก็ดีแกนนำพันธมิตรฯผู้นี้กล่าวอีกว่าการทุจริตแบบนี้จะไม่ เกิดขึ้นในสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยยกตัวอย่างอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมคนหนึ่งที่พยายามทุจริตใน โครงการไทยเดินเรือทะลมูลค่าในสมัยนั้นประมาณถึง 2 พันล้านบาท แต่ พล.อ.เปรมรู้และขัดขวาง และต่อมาเมื่อปรับคณะรัฐมนตรีรัฐมนตรีคนนั้นจึงหลุดจากตำแหน่ง และนี่คือสาเหตุที่อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมคนนั้นที่บัดนี้ กำลังชะตาขาดโกรธ พล.อ.เปรมจนถึงบัดนี้ ซึ่งมันคิดว่าไม่มีใครรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังเรื่องพวกนี้
ขณะเดียวกันนายสนธิ กล่าวเปรียบเทียบว่า การเมืองใหม่คือการล้างความชั่วในทุกวงการให้โปร่งใส ใครจะทำอะไรก็มองเห็นหมด และยังตีกรอบให้ข้าราชการต้องซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินให้สมกับเป็นข้าราชการของ พระเจ้าอยู่หัว เพราะถ้าปล่อยให้การเมืองเก่าเป็นอย่างนี้ต่อไปบ้านเมืองก็จะสูญสิ้น เวลานี้มีตุลาการบางคน ตำรวจบางคน และอัยการบางคนไม่ซื่อสัตย์ ถ้าเราพึ่งคนพวกนี้ไม่ได้แล้วจะไปพึ่งใคร
อย่างไรก็ตามในตอนท้าย นายสนธิ ยังได้เปิดโปง ปปช.คนหนึ่งที่สนิทชิดเชื้อกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ดองทุกคดีทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิที่ส่งไปจาก คตส.ซึ่งปปช.คนนี้รับผิดชอบ แต่ดองเอาไว้ทุกคดี ซึ่งพรุ่งนี้จะแฉว่าเป็นใคร รวมทั้งเบื้องหลังของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย ที่ถูกดำเนินคดีซีทีเอ็กซ์ด้วย
http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000113033
โพสโดย กฤตย์ อิสสระพันธุ์ รหัส 5131601231
1 ความคิดเห็น:
ผมเห็นด้วยกับ สนธิครับ
ว่าควรจะแฉไปเลย
ว่านักการเมืองคนนี้มันเลวยังไง
ให้คนอื่นเขารับรู้ให้หมด
กฤตย์ อิสสระพันธุ์
5131601231
แสดงความคิดเห็น